หลังจากที่ Apple ได้เปิดตัว iPad Proแท๊บเล็ตขนาดยักษ์ที่สามารถใช้ปากกาได้ไปแล้ว ทำเอาฮือฮากันมากเลยทีเดียวไม่ว่าจะเป็นหน้าจอขนาดใหญ่ถึง 12.9 นิ้ว (จะ13ก็ไม่ได้เนอะ) มาพร้อมกับ CPU Apple A9X 64 บิต (เร็วกว่าชิปเซ็ต A8 1.8 เท่า) สเปคที่มาแรงขนาดนี้ทำให้ สามารถตัดต่อวิดีโอระดับ 4K ได้อีกด้วยนะเธอ และที่หลายๆคนร้องว๊าว! เลยก็คือเจ้า iPad Pro มีปากกามาเป็นกิมมิกด้วยนี่แหละ ส่วนที่น่าฮือฮายิ่งกว่านั้นก็คือราคานั่นเอง เพราะถ้าซื้อครบเซ็ต (iPad Pro + Apple Pencil และ Keyboard) รวมแล้วก็ราว 50,000 บาทเห็นจะได้ ... น้องแป้งก็เลยมีรุ่นที่ใกล้เคียงกันมาเปรียบเทียบว่า..ถ้าไม่ซื้อ iPad Pro จะมีรุ่นไหนที่เป็นตัวเลือกที่ดีได้บ้าง?
iPad Proก็มี 3 รุ่นด้วยกันคือ
- 32 GB ราคา $799 (ประมาณ 30,900 บาท)
- 128 GB ราคา $949 (ประมาณ 36,700 บาท)
- 128 GB + 4G ราคา $1079 (ประมาณ 41,700 บาท)
ราคานี้ยังไม่รวมอุปกรณ์เสริมนะ... สำหรับราคาของอุปกรณ์เสริมก็คือ..
- Pencil $99 (ประมาณ 3,800 บาท)
- Keyboard $169 (ประมาณ 6,700 บาท)
*ราคานี้รวม VAT แล้ว และคิดเรต 1USD ประมาณ 36 บาท
ลองคิดเล่นๆ ถ้าสมมติว่าซื้อ iPad Pro รุ่น 128 GB (4G) แถมซื้อดินสอ กับ คีย์บอร์ดด้วย = 39,000 + 3,600 + 6,100 รวมเป็นเงิน 48,700 บาท แม่เจ้าาาาา !!!! เกือบ 50,000 บาทเจ้าค่าาาา นี่ราคานี้ไปซื้อคอมเทพๆมาใช้ได้สบายๆเลยนะเนี่ย
แล้วมี Tablet จอใหญ่รุ่นไหนบ้าง ที่สามารถใช้งานได้อย่าง iPad Proกันนะ ??? แทนที่จะซื้อ iPad Proเราน่าจะซื้ออะไรได้อีกบ้าง ??? วันนี้เราจะมาลองดูทางตัวเลือกอื่นๆที่น่าสนใจไม่แพ้กัน
iPad Pro | Note Pro | Surface Pro 3 | Aspire Switch 12 | ||
OS | iOS | Android 4.4 Kitkat | Windows 10 | Windows 10 | |
CPU | Apple A9X | Quad-core 1.9 GHz Cortex-A15 + Quad-core 1.3 GHz Cortex-A7 | intel core i3 / i5 / i7 | intel core M-5Y10a | |
GPU | รออัพเดต | Mali-T628 MP6 | intel HD 5300 | intel HD 5300 | |
RAM | 2 GB | 3 GB | 4/8 GB | 2/4 GB | |
ROM | 32/128 GB | 32/64 GB + MicroSD | 64/128/256/512 GB | 60/120 GB | |
หน้าจอ | Retina Display IPS LCD 12.9 นิ้ว ความละเอียด 2732 x 2048 พิกเซล (~265 ppi) | Super Clear LCD 12.2 นิ้ว ความละเอียด 2560 x 1600 พิกเซล (~247 ppi) | IPS LCD 12 นิ้ว ความละเอียด 2160 x 1440 พิกเซล (~216 ppi) | IPS LCD 12.5 นิ้ว ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล (~176 ppi) | |
WiFi | WiFi 802.11 a/b/g/n/ac, dual-band, hotspot | WiFi 802.11 a/b/g/n/ac, dual-band, WiFi Direct,hotspot | WiFi 802.11 ac/802.11 a/b/g/n | WiFi 820.11 a/b/g/n | |
การเชื่อมต่อ | Bluetooth v4.0 , USB v2.0 | Bluetooth v4.0 , microUSB v3.0 | Bluetooth v4.0 | Bluetooth v4.0 | |
กล้องหลัง | 8 ล้านพิกเซล , autofocus | 8 ล้านพิกเซล , autofocus , LED flash | 5 ล้านพิกเซล | 2 ล้านพิกเซล | |
กล้องหน้า | 1.2 ล้านพิกเซล | 2 ล้านพิกเซล | 5 ล้านพิกเซล | ล้านพิกเซล | |
แบตเตอรี่ | Li-Ion 11,000 mAh | Li-Ion 9500 mAh | Li-Ion 8000 mAh | Li-Ion 3220 mAh | |
ขนาดและน้ำหนัก | 305.7 x 220.6 x 6.9 มม. หนัก 713 กรัม | 295.6 x 203.9 x 8 มม. หนัก 750 กรัม | 292.1 x 201.4 x 9.1 มม. น้ำหนัก 800 กรัม | 318 x 220 x 17 มม. น้ำหนัก 1.08 กก. | |
ราคา (รวม vat) | 30,900 / 36,700 / 41,700 บาท | 24,900 บาท | 29,500 / 35,500 / 44,500 / 53,900 / 69,900 บาท | 29,000 บาท |
iPad Pro :สเปคบางอย่างก็ยังไม่ได้รับการยืนยันจากทาง Apple อย่าง GPU ก็ยังไม่รู้แน่ชัดว่าจะใช้ GPU อะไร แค่แยบๆมาว่าแรงขึ้นกว่าเดิม ว่าแต่ว่าแรงขึ้นกว่ารุ่นไหนหล่ะนั่น? อันนี้ก็ต้องรอทาง Apple ประกาศออกมาอย่างเป็นทางการแหละเนอะ ส่วนราคานั้นอาจจะดูไม่สมเหตุสมผลเท่าไหร่เพราะแค่ยังไม่รวมอุปกรณ์เสริมก็ราคาน่าช็อคไปถึง 3 หมื่นกว่าๆ นี่คือรุ่นต่ำสุดนะ รุ่นท็อปสุดก็ไปถึง 4 หมื่นกว่าๆแล้วจ้าาาา โอ้แม่เจ้าาา เห็นราคาก็ช็อคแล้วฮะ T_T ยิ่งใครที่ต้องการใช้อุปกรณ์เสริมด้วยแล้วหล่ะก็...ครึ่งแสนจ้าาาา เตรียมกระเป๋าตังค์สั่นกันได้เลยยย ~ แต่ถ้าจะมองว่าคุ้มมันก็คุ้มแหละ(มั้ง) 5555 เพราะมันมาพร้อมกับสเปคที่แรงถึงใจจริงๆ ที่ Apple พัฒนาเพื่อมาตีตลาด Notebook และ PC เพราะเมื่อเทียบกับน้ำหนักของ Notebook แล้วมันก็มีน้ำหนักที่เบากว่าจริงๆ แถมทาง Apple ยังได้ไปดีลกับค่ายซอฟต์แวร์ใหญ่ๆ อย่าง Microsoft, Adobe รวมถึงค่ายอื่นๆ เพื่อเอาแอปที่ใช้งานกันทั่วไปใน PC มาลงให้มากที่สุด แต่จะใช้ได้ดีแค่ไหนอันนี้ก็ยังไม่รู้แน่ชัด เพราะถึงยังไงมันก็เป็นรุ่นแรกที่ทำขึ้นมา แถมยังไม่ได้ลองใช้ด้วย 5555 ส่วนฟีเจอร์ใหม่ๆอย่างที่สามารถใช้ปากกา เอ้ะ! เค้าเรียกว่า Apple Pencil (มันก็ต้องดินสอสิเนอะ) ดินสอของ Apple นี้เค้าเดโมมาว่ามันสามารถตอบสนองการใช้งานได้รวดเร็ว แถมยังรับแรงกดได้ดีอีกด้วย จากที่ดูในคลิปถือว่าดีเลย จะจดจะวาดรูปก็สบายไปดิ แต่มาตกม้าตายตอนที่เสียบชาร์จกับ iPad Pro นี่แหละ ><
Samsung Galaxy Note Pro : ก็ถือว่าเป็น Tablet ระดับ Hi-End เลยก็ว่าได้ เพราะเป้าหมายเค้าคือกลุ่มผู้ที่ใช้งานระดับจริงจัง อย่างเช่นคนที่ใช้งานในองค์กร หรือคนที่ชอบทำงานนอกสถานที่ แน่นอนว่ามันต้องไม่ธรรมดาชัวร์ๆ มันมาพร้อมกับฟีเจอร์มากมาย ไม่ว่าจะเป็น Multiwindows ที่สามารถแบ่งหน้าจอให้ทำงานพร้อมกันได้สูงสุดถึง 4 จอเลยทีเดียว (มันก็เหมาะดีนะที่ทำงานหลายๆหน้าจอบนแท๊บเล็ตใหญ่ๆแบบนี้) และมีแอปที่สามารถทำงานได้อย่างกับคอมพิวเตอร์หรือโน้ตบุ้คเลย เช่น Hancom office ที่สามารถรองรับการใช้งานกับไฟล์จาก MS Office ได้อย่างสมบูรณ์ (ไม่ว่าจะเป็น word,excel,power point) ส่วนปากกา S Pen Stylus นั้นก็ติดมาให้กับเครื่องเลยจ้าาา ไม่ต้องไปซื้อเพิ่ม เมื่อเทียบกับ Apple Pencil ของ iPad Pro แล้ว S Pen จะมีขนาดที่เล็กกะทัดรัดมากกว่า แถมไม่ต้องวุ่นวายกับการชาร์จแบตอีกด้วย (Apple Pencil ต้องชาร์จแบต) แต่ถ้าจะนำมาใช้แทนโน้ตบุ้คหรือ PC น้องแป้งว่าอาจจะยังไม่ตอบโจทย์สักเท่าไหร่ เพราะแอปและโปรแกรมต่างๆมันยังไม่ครอบคลุมทั้งหมด ทำให้กระแสมันเงียบๆ ไป (บางทีอาจจะจากไปอย่างสงบแล้วก็ได้ =0=)
Microsoft Surface Pro 3 : แท๊บเล็ตตัวนี้เรียกได้ว่าเป็นโน๊ตบุ้คขนาดย่อมๆ เลยก็ว่าได้ เพราะยังไงมันขึ้นชื่อว่าเป็นของ Windows อยู่แล้วนี่นา แถมยังอัพเป็น Windows 10 แล้วด้วย ใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพไปเลยจ้า โปรแกรมต่างๆ มาเพียบ ไม่ว่าจะเป็น MS Office , Adobe หรือการเปิดใช้งาน Multitask ก็สามารถใช้งานได้จริงๆแน่นอน ส่วนปากกา Surface Pen ก็มีมาให้พร้อมกับตัวเครื่องเลย (ไม่ต้องไปซื้อเพิ่มอีกแล้ว เย่~) Surface Pen นี้ก็ได้ใช้เทคโนโลยีจาก N-trig แทน Wacom คือสามารถรับแรงกดได้ดีกว่าเดิม แต่ก็ต้องแลกกับการใส่ถ่าน AAAA เจ้าไป แต่อย่างไรก็ตาม Surface Pro 3 ก็เป็นแท๊บเล็ตที่ขายดีที่สุดรุ่นนึง และถ้ามองถึงเรื่องการใช้งานจริงๆ จังๆ รวมถึงเรื่องของ Multitask แล้ว OS อย่าง Windows ที่เป็น PC แท้ๆ นั้นก็ตอบโจทย์ได้ดีกว่า OS ของ Mobile อย่าง iOS หรือ Android อยู่ดีนะแหละ
Acer Aspire Switch 12 : จริงๆแล้วเจ้าตัวนี้เปิดตัวมาในสปีชี Notebook นะ แต่มันก็สามารถแปลงร่างเป็นแท๊บเล็ตได้ เลยจับมาเปรียบเทียบด้วยซะเลย 5555 รุ่นนี้ก็เพิ่งจะเปิดตัวมาได้ไม่นาน แถมยังเป็นแท๊บเล็ตกลุ่มเดียวกับ Surface Pro 3 อีกต่างหาก เพราะใช้ Windows 10 เหมือนกันนั่นเอง ฟีเจอร์ต่างๆก็คงไม่ห่างกันมาก แต่จุดพีคจะอยู่ที่มันมาพร้อมกับ CPU intel core M คือมันจะช่วยประหยัดพลังงานแบตเตอรี (ที่เค้าให้ความจุแบตมาน้อยเพราะได้ Core M มาช่วยประหยัดแบตนี่แหละ) ให้เราใช้งานได้นานถึง 8 ชม.เลย เจ้ารุ่นนี้ก็มีปากกาแถมมาให้เหมือนกันนะ ซึ่งปากกาก็จะมีชื่อว่า Acer Active Pen นั่นเอง ส่วนจุดที่พึงจะสังเกตมากๆเลยก็คือน้ำหนัก เพราะมันหนักเกินกว่าที่จะเป็นแท๊บเล็ตสามัญชนทั่วๆไปแฮะ (เอ้ะ! แต่ถึงยังไงมันก็เป็นโน้ตบุ๊คนะแก แค่มันแปลงร่างเป็นแท๊บเล็ตได้เฉยๆ)
สำหรับใครที่ชื่นชอบหรืออยากได้ และทุนทรัพย์หนา แถมยังเป็นสาวก ก็คงไม่มีปัญหาในการตัดสินใจถอย iPad Pro มาใช้งานได้ แต่ถึงยังไงก็ต้องลองดูก่อนว่าแอปที่เค้าคุยว่าใช้ทำงานได้แทน PC เนี่ย มันจะมีมาให้มากน้อยแค่ไหนกัน อาจจะต้องดูยาวๆ อีกสักนิด แต่เรื่องของแอปและเกมต่างๆ ฝั่ง iPad ก็มีเยอะอยู่แล้ว แต่น้องแป้งว่าถ้าจะซื้อและเน้นใช้งานจริงๆ ตัวเลือกที่ดีที่สุดก็น่าจะเป็น Surface Pro 3มากกว่า ด้วย OS อย่าง Windows 10 รวมไปถึงแอปที่เหมาะในการใช้ทำงานที่หลากหลากว่ารวมไปถึงความคุ้นเคย เปิดโปรแกรมได้หลายๆ หน้าต่าง ทำงานไปพร้อมๆ กันก็ยังะดวกกว่าอยู่ดี แต่ถ้าจะซื้อมาเล่นเกมดูหนังฟังเพลงอะไรก็ว่าไป ก็จัด iPad Proไปเลยค่าาา