Quantcast
Channel: DroidSans blogs
Viewing all articles
Browse latest Browse all 6898

Mini Review ตามใจฉัน Xperia Z3+ Dual Sim (Xperia Z4) และวิวัฒนาการจาก Xperia Z2

$
0
0

สวัสดีเพื่อนๆชาว Droidsans ทุกท่านครับ
เนื่องด้วยผมเองนั้น เป็นแฟนตัวยงค์ของ Xperia ซึ่งที่ผ่านมา ได้มีโอกาสใช้มาตั้งแต่ Xperia Z รุ่นแรก ตามด้วย Z2 Z3 Z3+ (ขาด Z1 ไป 1 รุ่น ที่ไม่ได้ใช้) จึงขอโอกาสนี้มาท้าวสาวความยาวยืดให้ทุกท่านได้อ่านกันครับ

(หมายเหตุ รีวิวนี้ผมได้เขียนลงไว้ในอีกเว็บหนึ่งด้วย ซึ่งใช้คนละ login กัน แต่เป็นคนเดียวกันครับ)


(ภาพ Press Shot จาก gsmarena.com)

ทำไมต้องวงเล็บไว้ว่า Z4 ทั้งที่เป็นรุ่น Z3+
ถึงแม้ Xperia รุ่นที่นำมารีวิวนี้จะชื่อว่า Z3+ แต่ในญี่ปุ่น ซึ่งวางจำหน่ายรุ่นนี้เป็นที่แรกในโลกนั้น ได้ตั้งชื่อว่า Xperia Z4 ซึ่งเหตุผลมาจาก ทาง Sony สาขานอกญี่ปุ่นมองว่า Z3+ เป็นตัวที่เพิ่มสเปคของ Z3 ขึ้นมา (อ้างอิง http://www.xperiablog.net/2015/05/27/so-why-did-sony-change-the-name-of-...)
ในขณะที่ตลาดญี่ปุ่นนั้น มือถือ Flagship ของเกือบทุกยี่ห้อ ออกใหม่บ่อย (ทุก 6 เดือน) และไม่ว่าจะมีการเพิ่มอะไรมากมาย เล็กน้อย หรือแทบไม่เปลี่ยนเลย ก็ถือว่าเป็นรุ่นใหม่ทั้งนั้น (ส่วนนี้เป็นความเห็นของผู้เขียนเอง จากการสังเกตุมือถือรุ่นต่างๆในญี่ปุ่น)

สเปคเด่นๆของ Xperia Z3+
- จอ 5.2 นิ้ว Full HD สว่างสุดๆ
- Snapdragon 810 SoC
- Ram 3GB
- Rom 32GB
- ลำโพง Stereo คู่
- กันน้ำ โดยไม่ต้องมีจุกยางปิดทั้ง port usb และหูฟัง
- บาง 6.9mm
- แบตเตอรี่ 2930 mAh

เกริ่นก่อนเข้าเรื่อง
สำหรับ Xperia Z นั้น เรียกว่าเป็นอะไรที่สาวกมือถือ Sony รอคอยตลอดมา เนื่องจากยุคก่อนหน้านั้น (ถ้ายังจำกันได้) Sony ขึ้นชื่อมากในเรื่องมือถือหลงยุค สเปคไม่เคยตามชาวบ้านได้ทัน ตั้งแต่ X10 ที่ไม่มี Multitouch และราคาแพงมาก, Xperia Arc ที่ชาวบ้านเค้าไป Dual Core กันแล้ว แต่ Sony ยังทำ Single Core อยู่ ไปจนถึง Xperia T/TX ที่ยังยืนหยัดเป็น Dual Core ทั้งๆที่ชาวบ้านไป Quad Core กันหมด แล้ว

สุดท้าย Sony ก็ออก Xperia Z มาให้สาวกได้ชื่นใจเสียที ซึ่งนอกจาก Spec ที่ทันชาวบ้านแล้ว (Quad Core Snapdragon S4 Pro, Ram 2GB) ยังมีจอ Full HD ที่เป็นเจ้าแรกๆในตลาด รวมถึงเรื่องของการกันน้ำ ซึ่งในยุคก่อนหน้านั้น ไม่เคยมีมือถือรุ่น Top รุ่นไหนที่ออกมาให้กันน้ำได้ จะมีก็เฉพาะแต่รุ่นที่สเปคต่ำลงมาเท่านั้น

กันน้ำไปทำไม?
มือถือกันน้ำนั้นเริ่มเป็นที่นิยมมาจากจากทางญี่ปุ่น เนื่องจากชาวญี่ปุ่นนั้นนิยมนำโทรศัพท์มือถือไปเล่นในระหว่างอาบน้ำ (อ้างอิง http://www.bimzz.com/technology/you-will-be-shocked-to-know-that-in-japa... )
ซึ่งที่ผ่านมาในยุคก่อน Smart Phone นั้น มือถือที่ขายในญี่ปุ่น มักจะเป็นรุ่นพิเศษที่ไม่ขายที่อื่นในโลก และกันน้ำด้วย จนกระทั่งมาถึงยุค Smart Phone นั้น Sony ไม่ได้มีการออกแบบมือถือรุ่นใหม่สำหรับตลาดญี่ปุ่นโดยเฉพาะ แต่เอารุ่นตลาดโลกมาขายเลย จึงคาดเดาได้ว่าทาง Sony คงต้องการให้ผลิต Model เดียวกัน แล้วนำไปขายได้ทุกที่ พวกเราจึงได้ใช้มือถือ Sony รุ่น Top ที่กันน้ำได้นับจาก Xperia Z เป็นต้นมา


(ภาพ Xperia Z จาก gsmarena.com)

สรุปแล้ว Xperia Z ดีเลิศ?
ด้วยสเปคในกระดาษนั้น Xperia Z แสนจะดูดี แต่ในความจริงแล้ว Sony สร้างวิบากกรรมไว้กับ Xperia Z มากมาก ซึ่งมีประเด็นคร่าวๆดังนี้

ข้อดีของ Xperia Z
- จอ Full HD ละเอียดมาก
- Design กระจะหน้า-หลัง ดู Premium มาก
- กล้อง 13 ล้านพิกเซล
- กันน้ำ

ข้อเสียของ Xperia Z
- แต่ซีด เอียงนิดหน่อยก็ซีดแล้ว และต่อให้มองตรงๆ ก็ไม่ได้ดูสดใสแบบคู่แข่งรายอื่นๆ
- จอเจอข้อผิดพลาดจากการผลิตเยอะมาก Dead pixel กระจุยกระจาย
- ร้อน อาจจะไม่ได้ร้อนมาก แต่ก็ร้อนพอให้กาวที่ติดฝาหลังละลายแล้วเกิดช่องว่างได้ ส่งผลให้หลายๆคนเจอปัญหาฝุ่นเข้ากล้อง และน้ำเข้าเครื่อง
- ช่องหูฟัง และช่องชาร์จ ต้องเปิดปิดจุกยางทุกครั้งที่ต้องใช้ ค่อนข้างน่ารำคาญกับการเปิดปิด รวมถึงเมื่อยางเปื่อยก็ทำให้กันน้ำไม่ได้อีก
- ลำโพงเสียงเบา
- (ปัญหานี้เกิดขึ้นแค่ที่ไทย) Firmware ในช่วง 2-3เดือนแรกที่ออกมา มีปัญหากับภาษาไทย ทำให้เปิด Email แล้วเด้งออกจาก App
- โหมด auto ของกล้องเข้าขั้นแย่

ด้วยปัญหาหลักๆที่ชี้แจงไปด้านบนนั้น สุดท้ายทาง Sony ก็ออก Xperia Z1 รุ่นใหม่มา ซึ่งแก้ปัญหาต่างๆ แต่สุดท้ายก็ยังมีข้อเสียเดิมๆเหลืออยู่ รวมถึงข้อเสียใหม่ๆด้วย (รุ่นนี้ทางผู้เขียนไม่มีโอกาสได้ใช้ แต่ก็ได้หยิบยืมคนอื่นมาทดสอบบ้าง) โดยสามารถสรุปโดยย่อดังต่อไปนี้

ข้อดีของ Xperia Z1
- Design แบบ Frame โลหะประกบด้วยกระจก ให้ความรู้สึกที่ดีทั้งเวลามองและสัมผัส
- กล้อง 20 ล้านพิกเซล
- กันน้ำ
- ช่องหูฟังกันน้ำ ไม่ต้องมีอะไรปิด
- มีช่องชาร์จแม่เหล็กที่ทำให้ไม่ต้องเปิดจุกยางช่อง USB เวลาชาร์จ

ข้อเสียของ Xperia Z1
- จอซีดเท่าเดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยน
- ลำโพงยังเบาเหมือนเดิม
- หนักขึ้น และหนาขึ้นพอสมควร
- โหมด auto ของกล้องยังแย่เหมือนเดิม
- ที่ชาร์จแม่เหล็กต้องหาซื้อเพิ่ม และหลุดง่าย ไม่เหมาะกับการใช้ไปชาร์จไป


(ภาพ Xperia Z1 จาก gsmarena.com)

ด้วยวงจรการออกรุ่นใหม่แบบญี่ปุ่น (ที่ได้กล่าวไปแล้วข้างบน) 6เดือนถัดมา ทาง Sony ก็ออก Xperia Z2 มา ซึ่งเป็นรุ่นที่สาวกรอคอยกันมากพอสมควร เนื่องจากได้แก้ปัญหาทั้งหมดไปแล้ว ซึ่งสามารถสรุปข้อดี ข้อเสียได้ดังต่อไปนี้

ข้อดีของ Xperia Z2
- จอไม่ซีดแล้ว
- ลำโพงคู่ (ซึ่งเทียบ Boomsound ของ HTC ไม่ได้ แต่ก็ถือว่าดีขึ้นมากๆแล้ว)
- บางกว่า Z1
- แบตเตอรี่ทนเหนือความคาดหมาย ใช้งานได้นานที่สุดในบรรดา Android ตัวท้อปที่เป็น Interbrand ทั้งหมด
- เพิ่มแรมเป็น 3GB ใช้งานกันได้สบายๆ ไม่ต้องเคลียร์

ข้อเสียของ Xperia Z2
- จอไม่ซีด แต่มืด ยิ่งถ้าเทียบกับคู่แข่งอื่นๆ ความสว่างสูงสุดเรียกว่าห่างกันอีกไกล
- โหมด auto ของกล้องยังแย่เหมือนเดิม
- Function ไม่ได้มีอะไรมากไปกว่า Z1 เท่าไหร่


(ภาพ Xperia Z2 จาก gsmarena.com)

เขียนมาถึงตรงนี้หลายท่านอาจจะสังเกตุว่า 3 รุ่นที่ผ่านมา แทบไม่มีอะไรใหม่ๆนอกเหนือไปจากการแก้ปัญหาเก่าๆที่เกิดขึ้น ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมยอดขายของ Xperia มันไม่กระเตื้องเท่าที่ควรในตลาดโลก
สำหรับสาวก Xperia แล้ว การรอ Xperia Z รุ่นใหม่ ก็คือการหวังว่าเมื่อไหร่ Xperia Z จะเจอกับคำว่าสมบูรณ์เสียที ซึ่งตัวผมเองนั้นก็มีความสุขดีกับการรอลุ้นว่ารุ่นต่อไปจะมีอะไรดีขึ้นบ้าง
6 เดือนต่อมา ทาง Sony ก็ได้ออก Xperia Z3 ซึ่งก็มีแนวทางเดิม คือค่อยๆปรับปรุงรุ่นเดิมให้ดีขึ้นทีละเล็กละน้อย ซึ่งโดยสรุป ก็จะมีสิ่งที่เปลี่ยนแปลงดังต่อไปนี้

ข้อดีของ Xperia Z3
- จากจอรุ่นที่แล้วที่สว่างสู้ชาวบ้านไม่ได้ รุ่นนี้นี้จัดมาเต็มด้วยความสว่าง 800 กว่า nits เรียกว่าสว่างกว่า Smartphone ทุกยี่ห้อที่มีในตลาดแล้ว
- ลำโพงมีมิติขึ้น ดังขึ้น (แต่ยังเทียบ Boomsound ของ HTC ไม่ได้อยู่ดี)
- บางกว่า Z2
- ฟังเพลงแบบ Hi-Res Audio ได้ (ตอนหลัง Z2 ก็ถูก upgrade ให้ฟังได้เหมือนกัน)

ข้อเสียของ Xperia Z3
- แบตเตอรี่น้อยลง แต่ก็ยังอยู่ในเกณฑ์ที่อึดมาอยู่ดี (ลดไป 100mAh)
- โหมด auto ของกล้องยังแย่เหมือนเดิม
- Function ไม่ได้มีอะไรมากไปกว่า Z2
- ความเร็วเครื่องแทบไม่ต่างจาก Z2
- ที่ชาร์จแม่เหล็กต้องหลุดง่ายกว่าของ Z2 บางทีแค่ขยับเครื่องนิดหน่อยก็ทำให้การชาร์จชะงักแล้ว


(ภาพ Xperia Z3 จาก gsmarena.com)

เข้าเรื่อง Mini Review กันจริงๆซักที
ก่อนหน้าที่ Xperia Z4 จะออกมานั้นก็ได้มีข่าวลือ ว่า Xperia Z4 นั้น จะไม่มีฝาปิดช่อง USB อีกต่อไป ผม ในฐานะสาวกของ Xperia ซึ่งทำใจมักน้อยใน Function มาแต่ไหนแต่ไร ก็รู้สึกดีใจมากแล้ว และไม่ได้ต้องการอะไรเพิ่มอีก ซึ่งหลังจากมีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการ ก็เป็นไปตามข่าวลือจริง ว่าฝาปิด USB หายไป เป็นไปตามที่หวังไว้ รวมถึงยังได้ Snapdragon 810 ตัวแรง (ในทางลบ) มาใช้เป็นของแถม

ทั้งนี้ หลังจากที่รอมานานก็ได้รับข่าวดีจากทาง Sony Thailand ว่าจะไม่นำ Z3+ เข้ามาขาย ซึ่งทางผมก็ไม่รอช้า จัดเครื่องนอก (Hong Kong ทันที) ซึ่งผมได้ซื้อรหัส E6533 ซึ่งเป็นรุ่น 2 ซิมมา สนนราคารวมจ่ายภาษีมูลค่าเพิ่มให้รัฐบาลไทยแล้ว ไม่ได้แพงไปกว่าราคาเครื่องศูนย์ในตอนที่ Z3 วางขาย

เทียบให้ดูระหว่าง Xperia Z2, Z3, Z3+


กล่องของทั้ง 3 รุ่น


ด้านหลังกล่อง


แบบไม่เปิดจอ (เรียงตามลำดับซ้ายไปขวา Z2, Z3, Z3+)


แบบเปิดจอ (เร่งแสงสุดแล้ว จะเห็นค่อนข้างชัดว่าจอ Z2 สว่างสู้อีกสองตัวไม่ได้) (เรียงตามลำดับซ้ายไปขวา Z2, Z3, Z3+)


ด้านหลังของทั้ง 3 ตัว เหมือนกันอย่างกับแกะ ข้อดีของ Z3+ ในส่วนนี้คือกล้องอยู่ใต้กระจกหลังอีกที ทำให้เวลาติดฟิล์มหลัง จะได้ฟิล์มมากันรอยกล้องไปโดยปริยายด้วย (เรียงตามลำดับซ้ายไปขวา Z2, Z3, Z3+)


ด้านซ้าย (ช่องชาร์จแม่เหล็กหายไป) (เรียงตามลำดับล่างขึ้นบน Z2, Z3, Z3+)


ด้านขวา (เรียงตามลำดับล่างขึ้นบน Z2, Z3, Z3+)


ด้านล่าง จะเห็นว่า Port USB ไม่มีฝาปิดแล้ว (เรียงตามลำดับล่างขึ้นบน Z2, Z3, Z3+)


ด้านบนก็คล้ายกันมาก (เรียงตามลำดับล่างขึ้นบน Z2, Z3, Z3+)

Xperia Z3+ เมื่ออยู่ในเมือ

ด้านหน้าจะเห็นได้ว่าขอบบนล่าง จะเห็นว่าเหลือพื้นที่เยอะเป็นพิเศษ


สีที่ผมซื้อมานั้น คือสี Aqua Green ซึ่งจริงๆแล้วเป็นสีฟ้าเลื่อมเงิน เวลาพลิกไปมาจะเปลี่ยนสีไปเล็กน้อย(แนวๆเดียวกับ Galaxy S6) ถึงแม้ว่าจะชื่อว่าสี Green แต่ดูยังไงก็เป็นสีฟ้า จะมีไม่กี่มุมเท่านั้น ที่พลิกแล้วเห็นเป็นสีเขียวอ่อนๆเลื่อมเงิน

ข้อดี/เสีย จากการใช้งานจริง
Mini review นี้ จะไม่มี Synthetic Benchmark หรือการวัดความแรงผ่านโปรแกรม แต่จะเป็นการบอกเล่าการใช้งาน เทียบกับ Xperia ตัวอื่นๆ รวมถึงการใช้งานทั่วๆไปเท่านั้นครับ

เครื่องร้อนตามข่าวลือหรือไม่?
Snapdragon 810 ที่ใช้ใน Xperia Z3+ เป็น CPU ที่เป็นข่าวมาแรงมากในช่วงนี้เนื่องจากเป็น CPU ตัว Top ของ Qualcomm ที่แรง และร้อนมาก มีปัญหากับทุกรุ่นที่ใช้ แต่ยี่ห้อน้องใหม่หลายยี่ห้อก็พยายามจะใช้กัน (Xiaomi, One Plus, etc.) ในฐานะผู้ใช้ ผมเองก็อยากทราบว่าเครื่องจะร้อนจนมีผลต่อการใช้งานหรือไม่ ผลก็คือ จาก Firmware ของ Z3+ ที่ใช้งานอยู่ ณ ปัจจุบันนั้น (28.0.A.7.24) พบว่า
#ร้อนได้หนักมาก
เล่น Facebook นิดหน่อยก็อุ่นขึ้นมาแล้ว และเวลาร้อนขึ้นมาทีนึงก็จะร้อนไปยาวๆ แต่ไม่ได้ร้อนขนาดจับไม่ได้ อารมณ์ประมาณมืออุ่นๆ ซึ่งตอนใช้ Z3 ไม่ได้ร็สึกอะไรแบบนี้
จากการทดสอบถ่ายรูปไป10กว่ารูป มีการปิดตัวของกล้องไป 2 ครั้ง (เครื่องฟ้องว่าร้อน และจะต้องปิดโปรแกรม)
การใช้เครื่องโดยไม่ใส่ซิม จะร้อนน้อยกว่าใส่ซิม (แต่ถ้าไม่ใส่ซิม ก็ไม่รู้ว่าจะซื้อโทรศัพท์มาเพื่ออะไร)

เรื่อง 2 ซิม
รุ่นนี้ใช้ 2 ซิมแบบ Dual Standby คือรอรับสายได้สองซิม แต่คุยได้ทีละซิม เวลาโทรออกหรือส่ง Message จะมีให้เลือกทุกครั้งว่าใช้ซิมไหน (เวลามีสายเข้า, call log, หรือ message เข้า ก็จะบอกว่ามาจาก Sim ไหน ตามสี่เหลี่ยมสีแดงที่ตีกรอบไว้ในรูป) ต่างจากระบบ 2 ซิมของ LG ที่ตั้ง Default ได้ ว่าจะใช้เบอร์ไหนโทร

การใช้ LTE/3G จะใช้ได้แค่ทีละ 1 ซิมเท่านั้น


เมนูการโทร สมุดโทรศัพท์ และ Message

Memory ในเครื่อง
ข้อดีหลักๆอีกอย่างที่เพิ่มขึ้นมาใน Z4 ก็คือ Memory ในตัวที่ให้มา 32GB เหมือนคู่แข่งรายอื่นๆในในปัจจุบัน ซึ่งทำให้ลง App ต่างๆได้เยอะขึ้นมาก เมื่อเทียบกับ 16GB ในรุ่นเก่าๆ (จริงๆแล้ว ใน Android Lollipop สามารถย้าย App ไปเก็บใน SD การ์ดได้แล้ว แต่จากที่ลองใช้จริง เวลาย้ายบาง App ไปแล้วพบว่าข้อมูลก็ยังอยู่ใน Memory ของเครื่องเหมือนเดิม มีแค่ข้อมูลเล็กน้อยที่ย้ายเข้า SD)

การใช้งานทั่วไป
การใช้งานทั่วๆไปรวดเร็วดีครับ การเข้าเมนูต่างๆลื่นดี ไม่มีปัญหาอะไร ไม่อืดไม่ช้า ข้อดีในส่วนนี้ของ Xperia ตระกูล Z คือไม่ว่าจะใช้งานไปนานขนาดไหน เมนูก็มักจะไม่ค่อยช้าลง ลื่นอยู่ตลอด การคุยโทรศัพท์ก็เสียงชัดดีปกติ ที่ดีขึ้นมาต่างจาก Z2 และ Z3 คือสั่นแรงขึ้นมาก ทำให้พลาดรับสายน้อยลง ส่วนที่ไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่ คือรู้สึกว่าเสียงลำโพงสนทนานุ่มขึ้น ไม่ค่อยบาดหูตอนคุยแบบ Z2 หรือ Z3

รูปแบบเมนูเครื่อง
รุ่นนี้มีสิ่งที่เพิ่มขึ้นมาจาก Xperia Z ตัวอื่นๆ คือสามารถปรับขนาด icon ของเมนูได้ (ซึ่งเดิม ก่อนจะเป็น KitKat มือถือ Xperia Z ทุกรุ่น จะใช้ icon ขนาดเล็ก ทั้งหมด หลังจากเป็น KitKat แล้ว icon ของ Z2 จะกลายเป็นแบบอันใหญ่ ส่วน Z และ Z1 ยังเป็นแบบเล็ก แต่เมื่อพอเป็น Lollipop ก็ใช้ icon แบบใหญ่ทั้งหมด เปลี่ยนขนาดไม่ได้) นอกจากนี้ยังตั้งให้เปลี่ยนเมนูเป็นแนวนอนได้ทันทีที่พลิกเครื่อง (ใน Z1-Z3 ต้องต่อช่องชาร์จแม่เหล็ หรือต่อ Dock เท่านั้น ถึงเปลี่ยนเมนูหลักเป็นแนวนอนได้)


ข้อเสียเรื่องหนึ่งที่น่ารำคาญคือ icon ใน Notification Bar ไม่มีปุ่มปิดเสียง ดังนั้นจึงต้องปิดด้วยการกด Volume ค้างไว้ หรือไปหาดาวน์โหลด Widget สำหรับปิดเสียงมาใช้

Theme
ในส่วนของการปรับแต่ง Theme ทาง Sony ใส่ความสามารถนี้มานานแล้ว (แต่น่าจะหลัง LG) ซึ่งทำให้ผู้ใช้มีทางเลือกมาขึ้นในการปรับแต่ง icon ต่างๆในเครื่อง ซึ่งยังมีให้เลือกโหลดไม่มากนักใน Play Store และสามารถสร้างเองได้โดยใช้คอมพิวเตอร์ แต่ค่อนข้างยุ่งยาก

Music
ตรงนี้หลายๆท่านอาจจะไม่ได้สังเกตุ แต่ว่า Sony เลิกใช้ชื่อ Walkman ใน App เล่นเพลงแล้ว และเปลี่ยนเป็น Music ด้วยเหตุผลว่า “ก็มันเอาไว้เล่นเพลง” (อ้างอิง http://www.xperiablog.net/2015/04/24/sony-explains-why-it-changed-the-wa...ซึ่งทางผู้เขียนเองก็เห็นด้วย เนื่องจากเครื่องเล่น Walkman ที่เป็น Android ของ Sony จริงๆนั้น คุณภาพดีกว่า Xperia อยู่มาก จึงออกแนวทำให้แบรนด์ดูต่ำลงมากกว่า)

หน้าแรก Music

ความน่ารำคาญอย่างหนึ่งของแอพเล่นเพลงที่แถมมากับเครื่อง Xperia คือ เมื่อเรากด Shuffle เพลง แล้วนึกอยากฟังเพลงอะไรเฉพาะขึ้นมาซักเพลง เมื่อไปกดฟังเพลงนั้น การ Shuffle จะหลุดทันที ต้องไปกด Shuffle ใหม่

รูปแบบเมนูหน้าที่ใช้เล่นเพลง icon ที่มุมซ้ายล่างเอาไว้ Shuffle ซึ่งต้องมากดกันบ่อยๆ

ตกลงว่าดีขึ้นอยู่หน่อยเดียว ถ้าเทียบกับตัวเก่าๆ?
ก็ประมาณนั้นครับ หลักๆคือ เมมในเครื่องเพิ่ม เอาฝาปิด USB ออก แล้วก็มีการ Suppot LDAC ที่เอาไว้ฟังเพลงคุณภาพสูงแบบไร้สาย (กับหูฟังไร้สายของ Sony) ในเรื่องความเร็ว เอาจริงๆแล้ว Xperia Z2 หรือ Z3 มันก็ไม่ได้ช้าอะไรอยู่แล้ว เร็วเหมือนกันทั้งหมด ในเรื่องการทดสอบเปิด App พวกเกม เวลาที่ใช้ไม่ค่อยต่างกัน (ทดสอบเปิด Final Fantasy3, Hitman Go, Sonic Jump ซึ่ง Xperia Z3+ เปิดเร็วกว่า Z3 นิดเดียวจริงๆ แต่เกม Monument Valley Z3 เฉลี่ยแล้วเปิดเร็วกว่า, ในส่วนของ App พื้นฐานเช่น Dialer, Phonebook พวกนี้ผมลอง Clear/ไม่ Clear Task แล้วเปิดปิดอยู่หลายรอบ โดยรวมๆต้องบอกว่าพอๆกัน)
สิ่งที่เห็นว่าเร็วกว่าคือ View Finder ของกล้อง (กดกล้องส่องไปมาโดยไม่ได้กดถ่าย) ในส่วนนี้ความเร็ว Z3+ > Z3 > Z2 ค่อนข้างชัดเจน แต่เวลากดถ่ายจริง Z3+ เซฟรูปได้ช้ากว่า Z3 หน่อยนึง

แล้วกล้องเป็นอย่างไร?
เนื่องจากไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญ ก็ไม่กล้าบอกว่ามันดีขึ้นหรือไม่ (ในแง่ของการเทียบกันเองระหว่าง Z ตัวอื่นๆ) แต่บอกได้ว่า หลังจากลองถ่ายมุมเดียวกันหลายรูป พบว่ารูปที่ได้ระหว่าง Z3+ และ Z3 ไม่เหมือนกันค่อนข้างชัดเจน ลองพิจารณาได้ตามรูปเลยครับ (ถ่าย mode Intelligent Auto ทั้งคู่ ไม่ปรับอะไรนอกจากเปิด/ปิดแฟลชครับ)


ทดสอบแบบเปิดแฟลช ถ่ายตอนกลางคืน ใต้แสงหลอด LED


ไม่เปิดแฟลช


สถานที่เดิม


ถ่าย Close-up แสงค่อนข้างน้อย


ถ่ายมุมมือดแสงน้อยมาก


กลางแจ้ง ช่วงบ่ายแก่ๆ

แล้วมีอะไรแย่ลงหรือไม่ ถ้าเทียบกับ Xperia Z รุ่นเก่าๆ
ในส่วนของจอนั้นมีความเปลี่ยนแปลงไปบ้าง โดยโทนสีนั้น Z3 สีขาวจะค่อนไปทางฟ้า ส่วน Z3+ สีขาวจะค่อนไปทางเหลือง ซึ่งไม่ใช้ฟ้าแปร๋น หรือเหลืองอ๋อย ตรงส่วนนี้น่าจะแล้วแต่ความชอบของแต่ละคน แต่ที่ต่างกันจริงๆคือความสว่างที่ลดลงจากเดิม 866 nits ใน Z3 เหลือ 789 ใน Z3+ ซึ่งจะบอกว่าแย่ลงก็คงบอกไม่ได้เต็มที่เช่นกัน เพราะความสว่างระดับ 789 nits นั้น ก็มากกว่า ทั้ง iPhone 6/6+, Galaxy Note4, Galaxy S6/S6 EDGE, และ LG G4 แล้ว


เร่งไฟสุด ซ้าย Z3 ขวา Z3+


เร่งไฟสุด บน Z3 ล่าง Z3+ ดูแบบนี้ไม่ค่อยต่าง แต่ดูด้วยตาเปล่าแล้วเห็นชัด ว่า Z3+มืดกว่า และสีก็ไม่เหมือนกัน

ส่วนที่แย่ลงแล้วเห็นได้ชัด คือลำโพง กลายเป็นว่าลำโพงเบา และมีมิติน้อยกว่า Z2 เสียอีก ใกล้เคียงกับเสียงเคาะประป๋องสังกะสีเข้าไปทุกที (ซึ่ง Z2 ก็แย่กว่า Z3) แต่สิ่งที่ทำให้ผมแปลกในคือเสียง Ringtone (ที่ออกมาจากลำโพงล่างเพียงอย่างเดียว) ไพเราะขึ้น

เรื่องแบตเตอรี่
รุ่นนี้แบตลดลงจาก 3000 mAh ใน Z3 เป็น 2930 จากการใช้งานจริงยังไม่รู้สึกว่าต่างกันมากนัก (ในขณะที่ Z2 และ Z3 จะเห็นความต่างได้มากกว่า) การใช้งาน 2 ซิมพร้อมกัน จะทำให้แบตเตอรี่ลดเร็วขึ้นไปอีก
ถ้าให้ลองเทียบกับยี่ห้ออื่น เนื่องจากผมเคยใช้ LG G4 อยู่ประมาณ 4วัน (ก่อนจะขายไปด้วยเหตุผลที่จะเล่าต่อไปนี้) ต้องบอกว่า Z3+/Z3 แบตทนกว่า G4 มาก (โดยใช้แบบ 2 ซิมพร้อมกัน) สามารถอยู่ได้ตั้งแต่ 7 โมงเช้าถึง 4 ทุ่มได้สบายๆ แบตยังเหลือประมาณ 30-40% ด้วยการใช้งานแบบนึกได้ก็เอาออกมาเล่นเน็ตบ้าง โทรบ้าง นำทางบ้าง ในขณะที่ G4 แบตเกือบเกลี้ยงไปตั้งแต่ช่วงเย็นๆแล้ว

เรื่องขอเสริม
ผมว่าลำโพงเดี่ยวของ G4 เพราะกว่าลำโพงคู่ Z3 อีก แล้วดังกว่าด้วย

สรุป
สำหรับท่านที่ใช้ Z2 หรือ Z3 อยู่นั้น ผมยังไม่เห็นเหตุผลที่ดีที่ควรจะเปลี่ยนไปใช้ Z3+ นอกจากจะอยากได้ Internal Memory 32GB และรำคาญการเปิด/ปิดจุกยาง หรือการใช้ Magnetic Charger เนื่องจากแทบไม่ได้มีอะไรดีขึ้นอย่างเป็นเรื่องเป็นราวนัก

ในส่วนของผู้ที่ไม่เคยใช้ Xperia มาก่อน หรือใช้ Xperia รุ่นเก่าๆลงไป ความคุ้มของ Z3+ อยู่ตรงวัสดุและงานประกอบที่ดูดีมาก ขนาดเครื่องเพรียวบาง กันน้ำได้โดยไม่สร้างความวุ่นวายกับผู้ใช้และยังคงความบางของเครื่องไว้ได้ ถึงแม้ว่าการกันน้ำจะไม่ใช่ feature ที่ถูกใช้กันบ่อยๆ แต่ส่วนตัวแล้ว ผมเคยไปเที่ยวแนว Adventure แบบพายเรือล่องลำน้ำ ซึ่งก็ได้ Xperia Z เก็บภาพตอนนั้นไว้ ก็ทำให้มีรูปภาพประกอบเรื่องราวความประทับใจ (ที่ไม่ได้มีโอกาสจะได้ไปบ่อยๆ) เก็บไว้ดูเล่นในอนาคตครับ

ถ้าไม่ติดใจเรื่องประกันศูนย์ไทยมากนัก ตัวเลือกอีกตัวที่น่าแนะนำคือ Xperia Z3 เครื่องหิ้วจากญี่ปุ่น ที่มี Rom มาให้ 32GB เท่า Z3+ ซึ่งนอกจากเรื่องฝาปิดช่อง USB แล้ว อย่างอื่นดีกว่า Z3+ เกือบหมด (ในแง่การใช้งานทั่วไปในชีวิตประจำวันนะครับ ในส่วนที่เอาไปรันเกมหนักๆ ยังไม่เคยได้ทดสอบ แต่ตามการคาดเดา Snap 810 ควรจะต้องดีกว่า 801)

ถ้าว่ากันด้วยเรื่อง Hardware Spec โดยตรงแล้ว Xperia Z3+ ก็พอจะชนกับตัว Top ยี่ห้ออื่นได้บ้าง (HTC One M9, LG G4, iPhone6, Galaxy S6) แต่ก็ไม่ได้มี Function อะไรพิเศษ อย่างเช่น Scan ลายนิ้วมือ กล้องขั้นเทพ ลำโพงขั้นเทพ ที่ดีไปกว่ายี่ห้ออื่นๆในตลาด

ขอจบ Mini Review เพียงเท่านี้ ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านครับ


Viewing all articles
Browse latest Browse all 6898

Trending Articles