สวัสดีเพื่อนสมาชิก Droidsans ทุกท่าน วันนี้ขออนุญาตแนะนำสุดยอดสมาร์ทโฟนของ Samsung อีกหนึ่งรุ่นนั่นคือ Samsung Galaxy S6นั่นเอง จริงๆแล้วมือถือรุ่นนี้ถูกเปิดตัวออกมาพร้อมๆกับ Galaxy S6 edge มือถือหน้าจอโค้งที่หลายๆคนรู้จักและพูดถึงกันมากกว่า แม้กระทั่ง Samsung เองก็ทำโฆษณาโปรโมทเน้นที่ Galaxy S6 edge เป็นหลักจนคนคิดว่า Galaxy S6 edge คือ Galaxy S6 ทั้งที่มันคนละรุ่นกัน ลูกเมียน้อยชัดๆ! จริงๆแล้ว Galaxy S6 นั้นมีสเปกเหมือนกับรุ่น edge ทุกอย่างยกเว้นหน้าจอที่ไม่โค้งเท่านั้นเอง แต่ราคาอยู่ที่ 23,900 บาทถูกกว่ารุ่น edge ถึง 4,000 บาทมาดูรายละเอียดของรุ่นนี้กันดีกว่าครับ
ก่อนอื่นขอบอกเหตุผลที่บทความนี้เป็นแค่ mini-Review เพราะผมมีโอกาสได้เล่นเครื่อง Galaxy S6 เครื่องนี้เพียง 7 วันเท่านั้น เนื่องจากว่าได้ไปลงชื่อในโครงการ Samsung Galaxy S6 Test Drive ของ Samsung ประเทศไทย และได้รับเลือกด้วย ดังนั้นเวลา 7 วันผมไม่สามารถทำรีวิวได้เต็มที่จึงขอเป็นพรีวิวแทนละกัน มีเรื่องเล่านิดนึงตอนไปรับเครื่องกะว่าจะเอา Galaxy S6 edge แต่ปรากฎว่า เจ้าหน้าที่แจ้งว่าเครื่อง S6 edge มีน้อยและตอนนี้คนเอาไป test ก่อนหมดแล้ว อดสิครับ! ก็เลยได้เจ้า Galaxy S6 สีขาวมาแทน ตอนแรกเห็นเครื่องแล้วรู้สึกธรรมดามาก แต่พอได้ลองใช้งานไปเรื่อยๆ ความคิดทุกอย่างก็เปลี่ยนไป...
Samsung ในช่วงหลังนั้นอยู่ในช่วงขาลง ทั้งในเรื่องยอดขายและความเชื่อใจในตัวแบรนด์รวมถึงผลิตภัณฑ์ของบริษัท หลักฐานที่เห็นได้ชัดคงจะเป็นยอดขายของ Galaxy S5 ที่ทำได้ต่ำกว่าเป้าที่ตั้งไว้ถึง 40%จนพ่นพิษให้ ผู้บริหารต้องลาออกจากตำแหน่งถึง 3 คน รวมไปถึงฝั่งคู่แข่งจากประเทศจีนก็ทำได้ดีขึ้นมาหลายเจ้า ด้วยมือถือสเปกดีแต่ราคาถูกกว่าหลายขุม บางเจ้าถึงกับแซง Samsung ไปได้แล้ว (ในประเทศจีน) ด้วยเหตุผลเหล่านี้ทำให้ Samsung ต้องทำอะไรสักอย่างหลังชะล่าใจมานาน และ Galaxy S6 ก็คือผลลัพธ์จากความพยายามครั้งล่าสุดของ Samsung ที่จะทำให้ทุกอย่างกลับมาเข้าทางอีกครั้ง
แกะกล่อง Galaxy S6
เนื่องจากว่าเป็นเครื่อง Test Drive ก็เลยไม่ได้กล่องแบบที่ขายจริง แต่เราสนใจกันที่อุปกรณ์ที่ให้มาในกล่องมากกว่าครับ มาดูกันว่ามีอะไรบ้าง
Samsung Galaxy S6
สาย microUSB
Adapter สำหรับชาร์จ
หูฟังแบบ earpod
ที่จิ้มถาด SIM
คู่มือการใช้งานเบื้องต้นและใบรับประกัน
สเปกของ Samsung Galaxy S6
แน่นอนนี่คือมือถือระดับเรือธงประจำปี 2015 ของ Samsung ดังนั้นสเปกของ Samsung Galaxy S6 จึงจัดเต็มที่สุดในทุกด้าน เรียกว่าเทหมดหน้าตักกันเลย
ชื่อและรหัสเครื่อง: Galaxy S6 (SM-G920F)
สัดส่วน: 70.5 x 143.4 x 6.8 มิลลิเมตร
น้ำหนัก: 138 กรัม
หน้าจอ: Super AMOLED ขนาด 5.1 นิ้ว ความละเอียด Quad HD 2560 x 1440 พิกเซล (577 ppi)
เครือข่ายที่รองรับ:
4G LTE : B1//2/3/4/7/8/12/20/26 (รองรับทุกเครือข่ายในประเทศไทย)
3G : HSPA 850/900/1900/2100 (รองรับทุกเครือข่ายในประเทศไทย)
2G : GSM 850/900/1800/1900
SIM : 1 SIM แบบ Nano-SIM
CPU : Samsung Exynos 7420 (64-bit, 14nm) Octa-core แบ่งเป็น 4 x A57 2.1GHz และ 4 x A53 1.5GHz
GPU : Mali-T760 MP8
RAM : 3 GB LPDDR4
หน่วยความจำภายใน : 32/64/128 GB (ประเทศไทยจำหน่ายแค่รุ่น 32GB)
กล้องหน้า : 5 ล้านพิกเซล F1.9
กล้องหลัง : 16 ล้านพิกเซล Sony IMX240 เลนส์ F1.9 พร้อม OIS, BSI, Dual-LED flash
แบตเตอรี่ : 2,550 mAh (ถอดเปลี่ยนไม่ได้)
OS : Android 5.0.2 Lollipop พร้อม TouchWiz UX
NFC :มี
OTG :มี
คุณสมบัติพิเศษ:
ระบบชาร์จเร็ว Adaptive Fast Charging
ระบบชาร์จไร้สาย รองรับทั้ง Qi และ PMA
ระบบสแกนลายนื้วมือแบบสัมผัส
เซ็นเซอร์วัดอัตราการเต้นหัวใจ
การเชื่อมต่ออื่นๆ:
Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac HT80 MIMO 620Mbps
Bluetooth 4.1 LE
IR-LED
ANT+
GPS, GLONASS, Beidou
USB 2.0
หูฟัง 3.5 มิลลิเมตร
กระจกและโลหะทิศทางใหม่ของ Samsung
หลายปีมาแล้วที่ Samsung ยึดมั่นอยู่กับการออกแบบมือถือด้วยวัสดุที่เป็นพลาสติกเป็นหลัก ในขณะที่คู่แข่งอย่าง HTC เปลี่ยนไปใช้โลหะมาทำมือถือเรือธงและได้รับเสียงตอบรับที่ดีมาก Samsung เองก็ตะแบงใช้พลาสติกมาเรื่อยๆจนถึง Galaxy S5 ที่ Samsung รู้ตัวแล้วว่าพลาสติกราคาถูกไม่ใช่คำตอบสำหรับมือถือเรือธงที่ต้องมาคู่กับความพรีเมียมและราคา 20,000 บาทอีกแล้ว
ใน Samsung Galaxy S6 วัสดุที่ Samsung เลือกมาใช้เพื่อเสริมความพรีเมียมให้มือถือของตัวเองคือ โลหะและกระจก โดยด้านหน้าและด้านหลังของ Galaxy S6 จะถูกปกป้องด้วยกระจก Gorilla Glass 4 ที่สามารถกันรอยและแรงกระแทกได้ส่วนหนึ่ง ในขณะที่เฟรมหรือกรอบของตัวมือถือจะเป็นอะลูมิเนียม ดูๆไปแล้วก็คล้ายๆกับ Sony Xperia Z3 ทำไว้ แต่กรอบโลหะของ Galaxy S6 จะโค้งน้อยกว่าและตัวเครื่องที่แคบกว่า ทำให้สามารถจับถือได้ง่ายกว่า Z3
ศิริรวมแล้วตรงนี้ผมว่า Samsung มาถูกทางแล้วล่ะ เพราะตอนนี้ Galaxy S6 น่าจะลบข้อครหามือถือราคาแพงแต่ใช้วัสดุเหมือนของถูกไปได้แล้ว เราลองมาดูรอบๆตัวของ Galaxy S6 ว่ามีอะไรบ้างกันดีกว่า
ด้านล่างของตัวเครื่องจะมีช่องเสียบหูฟัง, ช่อง microUSB, ไมค์สนทนา และลำโพงสำหรับเสียงเรียกเข้า ตำแหน่งการวางลำโพงทำให้ได้ยินเสียงชัดเจนทั้งเวลามีการแจ้งเตือนหรือสายเข้า ถือว่าเป็นมือถือรุ่นหนึ่งที่ลำโพงเสียงดีเลยล่ะครับ
ด้านซ้ายของตัวเครื่องจะเป็นตำแหน่งประจำของปุ่มเพิ่มลดเสียงของมือถือ Samsung อยู่แล้ว แต่คราวนี้ปุ่มจะแยกออกจากกัน ไม่ติดกันเหมือนเคย
ด้านขวาของตัวเครื่องจะมีปุ่ม Power อยู่ พร้อมช่องใส่ถาด SIM ซึ่งต้องใช้เข็มจิ้มออกมา โดยรุ่นนี้ใช้ SIM แบบ NanoSIM ครับ
ด้านบนของตัวเครื่องจะมีช่อง Infrared กับไมค์ตัดเสียง
ส่วนบนของหน้าจอประกอบด้วย Proximity sensor และ Brightness sensor ถัดมาเป็นลำโพงสนทนา และกล้องหน้า อ้อ มีไฟ LED สำหรับการแจ้งเตือนด้วยนะครับ
ส่วนล่างของหน้าจอ Galaxy S6 จะมีปุ่ม Home ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของมือถือ Samsung อยู่โดยคราวนี้ Samsung ได้เอาเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือแบบสัมผัสใส่เข้าไปในปุ่ม Home ด้วย การสแกนจะใช้การแตะนิ้วเท่านั้น ไม่เหมือนกับของ Galaxy S5 และ Note 4 ที่เราต้องรูดนิ้วเพื่อสแกน สะดวกกว่าเดิมแบบคนละโลกและใช้ได้จริง ด้านซ้ายของปุ่ม Home เป็นปุ่ม Recent และด้านขวาเป็นปุ่ม Back ตามมาตรฐาน
ด้านหลังของตัวเครื่องจะมีโลโก้ Samsung อยู่ตรงกลางเครื่อง โดยมีกล้องหลักขนาด 16MP ที่นูนออกมาอย่างเห็นได้ชัด เพราะตัวเครื่องบางมาก ด้านขวาของกล้องจะเป็นดำแหน่งของไฟ LED Flash และตัวเซ็นเซอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจครับ
ของดีมักจะต้องแลกด้วยอะไรบางอย่าง
Samsung Galaxy S6 นั้นเป็นมือถือที่ดูดีและดูพรีเมียมมากที่สุดแล้วในตระกูล Galaxy เท่าที่เคยมีมา ตรงนี้หลายคนคงได้ลองสัมผัสและน่าจะเห็นด้วยกับผม การผลิตแบบ Unibody คือส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดเรื่องนี้ขึ้นมาได้ แต่ Unibody นี่แหละที่ทำให้ Samsung Galaxy S6 ต้องสูญเสียจุดเด่นอย่างหนึ่งของมือถือ Galaxy ไปคือ “การถอดเปลี่ยนแบตเตอรี่”เพราะ Unibody ทำให้การเปิดฝาหลังเป็นไปไม่ได้ เปิดได้มันก็ไม่ใช่ Unibody น่ะสิ ใช่มั้ยครับ?
แต่นอกจากแบตเตอรี่ที่เปลี่ยนไม่ได้แล้ว จุดเด่นอย่างที่ 2 ที่ Samsung เลือกตัดออกไปจาก Galaxy S6 คือ “ช่องเสียบการ์ด microSD”อันนี้สาวกของ Samsung ร้องโวยวายกันเป็นแถวๆ และอีกหลายคนที่เล็งมือถือรุ่นนี้อยู่ถึงกับพับโครงการไปมองมือถือเรือธงยี่ห้ออื่นกันแล้ว แต่จุดนี้ถ้ามองอีกมุมก็อาจจะมีข้อดีอยู่บ้าง เพราะเมื่อเสียบ microSD ไม่ได้แล้ว รุ่นต่ำสุดของ Samsung Galaxy S6 จึงเป็นรุ่น 32GB และรุ่นสูงสุดคือ 128 GB และการใช้งาน Flash memory แบบ built-in ภายในเครื่องนั้นดีกว่าการใช้ External memory แน่นอน ตรงนี้ถ้ามีเวลาอยากจะเขียนบทความแนะนำข้อดีของมือถือที่เสียบ microSD ไม่ได้อยู่เหมือนกัน
อมยิ้มมาตั้งแต่เกิด
Samsung Galaxy S6 และ S6 edge ถือเป็นมือถือ 2 รุ่นแรกของ Samsung ที่มาพร้อมกับ Android 5.0.2 Lollipopตั้งแต่โรงงานเลย และแน่นอนต้องมาพร้อมกับ TouchWiz UI เวอร์ชันล่าสุดจากที่เห็นหน้าค่าตา TouchWiz ของ S6 ครั้งแรกก็รู้สึกว่า มันดูไม่แตกต่างจาก TouchWiz รุ่นอื่นๆ สักเท่าไหร่นัก แต่พอลองได้ใช้งานดูก็พบว่ามันมีสิ่งใหม่ๆอยู่เยอะเหมือนกัน
โดยรูปแบบไอคอนและการใช้สีโดยรวมจะดูเรียบง่าย สวยงาม ไม่ฉูดฉาด กระแทกตาอย่างที่เคยเป็น ในส่วนของ Transition ต่างๆเวลาเปิดปิด App หรือการเลือก item ในรายการต่างๆก็ดูลื่นไหลและเป็นสไตล์ของ Material Design ชัดเจน นอกจากนั้นภาพพื้นหลังของ Homescreen ก็ขยับได้เวลาที่เราหันหน้าจอไปทางซ้ายหรือขวา ทำให้ดูเหมือนมีมิติความลึกขึ้นมา เหมือนกับ Parallax Effectของ iPhone เลย แต่ปัญหาอยู่ที่มัน “ปิดไม่ได้”นี่สิ
ของเล่นใหม่ที่เพิ่มเข้ามาใน TouchWiz เวอร์ชันนี้คือ ระบบ Theme ที่เราสามารถเลือกเปลี่ยน Themeของ TouchWiz ได้ตามต้องการ และมีหลายแบบให้เลือกโดยสามารถไป download จาก Theme Storeมาใช้ตามความชอบได้เลย
ความพิเศษของระบบ Theme ใน TouchWiz นั้นคือ มันไม่ใช่เพียงแค่การเปลี่ยนภาพ wallpaper และไอคอนของแอพบนหน้า Homescreen เท่านั้น แต่มันจะเป็นการเปลี่ยนภาพลักษณ์ของทั้งระบบเลย ไม่ว่าจะเป็น Lockscreen, Widget, Font, Notification และ Settings รวมไปถึงหน้าตาของพวก app พื้นฐาน เช่น Phone, Contacts, Message, Calculator, Clock หรือ Calendar เปลี่ยนหน้าตาได้หมด ลองมาดูตัวอย่างของ Theme ที่ชื่อ“Retro”กัน
อันนี้เป็น Theme ของหนังเรื่อง “Avengers”ครับ
จะเห็นได้ว่าตัว Theme นั้นจะถูกนำไปใช้กับแทบทุกส่วนของ Interface เลยทีเดียว และจากที่ได้ลองเล่น download Theme มาใช้หลายๆแบบพบว่า แต่ละแบบทำออกมาได้อย่างมีคุณภาพ การจัดวาง,ขนานไอคอน,ตัวหนังสือ,ภาพพื้นหลัง ล้วนดูเข้ากันเป็นอย่างดี เรียกว่า Samsung คัดมาให้แล้วระดับหนึ่งเลยล่ะ แต่น่าเสียดายที่ Samsung ยังไม่เปิดให้คนภายนอกพัฒนา Theme ของตัวเองแล้วเอาเข้าไปใน Theme Store ได้ ถึงอย่างนั้นคิดว่า Samsung น่าจะมีการปล่อย SDK ของ Theme เร็วๆนี้ เพราะใน Theme Store เองก็มีเมนู “Purchased”อยู่ แสดงว่าจะมีการเปิดให้ขาย Theme ได้แน่นอน
สรุปโดยรวมการกลับมาครั้งนี้ของ TouchWiz ถือว่าทำออกมาได้น่าสนใจมาก ความรู้สึกเดิมๆน่าเบื่อๆในการใช้งาน TouchWiz มันหายไปแล้วสำหรับผม ความรู้สึกว่าเยอะ ถูกยัดเยียดอะไรมาให้ก็ไม่รู้ มันไม่มีอีกต่อไป เพราะ Samsung เอาไอ้ที่เยอะๆออกไปให้ download เพิ่ม หรือที่เอาออกไม่ได้ก็สั่งปิดไว้ไม่ให้ทำงาน ให้คนใช้สามารถเลือกได้เองว่าอยากใช้งานหรือไม่ ในที่สุด Samsung ก็คิดได้สักที
Samsung Exynos ผงาด...
อย่างที่หลายคนน่าจะรู้แล้วว่า Samsung เลือกใช้หน่วยประมวลผลของตัวเองนั่นคือ Samsung Exynos 7420ใส่เข้ามาใน Galaxy S6 แทนที่จะเลือกใช้หน่วยประมวล Qualcomm Snapdragon อย่างที่เคยทำมาในอดีต โดยเหตุผลนั้นคนจะพุ่งเป้าไปที่ปัญหาเรื่องการจัดการพลังงานและความร้อนของ Qualcomm Snapdragon 810รุ่นล่าสุดที่ยังเป็นที่กังขาอยู่จนถึงเดี๋ยวนี้ แต่จริงๆแล้วใครจะรู้ว่าเหตุผลที่แท้จริงคือ Samsung มั่นใจว่า Exynos 7420 ของตัวเองนั้นคือหน่วยประมวลผลที่ดีที่สุดและแรงที่สุดในตลาดตอนนี้แล้วดีกว่า Snapdragon 810 ของ Qualcomm ด้วย แล้วทำไม Samsung จะต้องไปเลือกใช้ของที่เป็นรองกว่าของตัวเอง?
คะแนนที่ได้จากการทำ Benchmark ผ่านแอพชื่อดังอย่าง Antutu, Geekbench และ PCMark ก็อยู่ในระดับสูงเมื่อเปรียบเทียบกับมือถือเรือธงในตลาดตอนนี้ ลองมาดูผลกัน
Antutu Benchmark
Geekbench 3
PCMark
หากลองเอาคะแนนจากแต่ละแอพไปเทียบกับคะแนนของ HTC One M9 ในรีวิวของน้อง Akexorcist ซึ่งเป็นรุ่นที่ใช้ชิป Qualcomm Snapdragon 810 จะเห็นว่าคะแนนของ Samsung Galaxy S6 ดีกว่าเกือบทุกการทดสอบ
Samsung Galaxy S6 | HTC One M9 | |
Antutu Benchmark | 64,541 | 49,469 |
Geekbench 3 | Single-Core Score : 874 Multi-Core Score : 3754 | Single-Core Score : 959 Multi-Core Score : 3,727 |
PCMark | 4,865 | 4,117 |
ในส่วนของความร้อนก็เป็นเรื่องที่น่าแปลกใจอีกอย่าง ผมลองเล่นเกมส์ภาพ 3D หนักๆหรือเปิดเว็บที่มีภาพเคลื่อนไหวเยอะๆเพื่อให้เครื่องทำงานหนัก พบว่าเครื่องไม่ร้อนอย่างที่คิด แต่ก็ไม่ใช่ว่าไม่ร้อนเลยนะครับ เพราะก็รู้สึกได้ว่าอุ่นๆ อยู่เหมือนกัน ตรงนี้น่าจะได้อานิสงส์มาจากกระบวนการผลิต 14nm ที่ทำให้ชิปทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้นและร้อนน้อยลง ตอนที่ร้อนจริงๆรู้สึกว่าจะเป็นตอนชาร์จโทรศัพท์มากกว่า น่าจะมีส่วนมาจากระบบ Adaptive Fast Chargingของ Samsung ที่ชาร์จแบตเร็วมาก
ผมขอเสริมเหตุผลส่วนตัวที่ผมคิดอีกอย่างเกี่ยวกับกรณีที่ Samsung ไม่เอา Snapdragon คือ Samsung เห็นแนวโน้มที่ไม่ดีของ Snapdragon 810เพราะโดนข่าวโจมตีเยอะมากเรื่องความร้อน กระแสในตลาดจึงดูไม่มั่นคง นี่จึงเป็นโอกาสทองของ Samsung ที่จะดัน CPU Exynos ของตัวเองเข้าสู่ตลาดเพื่อสร้างชื่อเสียงในฐานะผู้ผลิตชิปเซ็ตเจ้าหนึ่งของตลาดเหมือนกัน ซึ่งถ้าจะมองมุมนี้ Qualcomm ก็คือคู่แข่งรายใหญ่ของ Samsung นั่นเอง ดังนั้นการผลักดัน Exynos เข้าสู่ตลาดได้จะเป็นผลดีต่อธุรกิจชิปเซ็ตของ Samsung ด้วย
ไม่ค่อยอึดเลยนะน้อง...
นอกจากการปรับเปลี่ยนงานออกแบบอย่างพลิกฝ่ามือแล้ว แบตเตอรี่ของ Galaxy S6 ก็ถูกลดลงมาเหลือเพียง 2,550 mAh เมื่อเทียบกับรุ่นพี่อย่าง Galaxy S5 ที่มีแบตเตอรี่ขนาด 2,800 mAh แถมยังเปลี่ยนได้อีกต่างหาก เหตุผลมาจากการที่ Samsung พยายามทำให้ขนาดเครื่อง S6 เล็กและบางลงจาก S5 พื้นที่สำหรับใส่แบตก็น้อยลงไปด้วย ซึ่งจากการใช้งานก็พบว่า Galaxy S6 นั้นไม่ค่อยอึดสักท่าไหร่
จากภาพด้านบนเป็นการใช้งานแบบปกติในชีวิตประจำวันของผม ซึ่งไม่ได้มีอะไรพิเศษมากมาย ก็เป็นการใช้งาน Social Network, เล่นอินเตอร์เน็ต อ่านข่าวสัพเพเหระ และมีฟังเพลงบ้างเวลาเดินทางไปทำงาน Galaxy S6 อยู่ได้เพียงประมาณ 10 ชั่วโมงครึ่ง แบตเตอรี่ก็เหลือต่ำกว่า 15% แล้ว นี่ถ้าผมเล่นเกมส์ด้วยชีวิตน่าจะสั้นกว่านี้ เหตุผลส่วนน่าจะเป็นเพราะหน้าจอความละเอียด QHD ด้วยที่ทำให้เครื่องต้องทำงานหนักมากกว่าเมื่อเทียบกับ Full HD แต่ Samsung ก็มีทางบรรเทาปัญหาไม่อึดได้อยู่แล้วด้วยระบบชาร์จเร็ว Adaptive Fast Charging ที่สามารถฃาร์จแบตถึง 70% ได้ภายใน 30 นาที
ภาพถ่ายที่สวยงาม
Samsung Galaxy S6 มาพร้อมกับกล้องหลังความละเอียด 16 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์ Sony IMX240แบบเดียวกับ Galaxy Note 4 เลย แต่เลนส์จะมีค่า Aperture ที่ดีกว่าคือ f/1.9ซึ่งจะทำให้กล้องของ S6 สามารถรับแสงได้มากกว่า จึงเป็นผลให้ถ่ายภาพในที่แสงน้อยได้ดีมากๆด้วย ส่วนเสริมอย่างอื่นที่มาพร้อมกับกล้องคือ ระบบกันสั่น OIS, BSI, LED flash และ Infrared ที่มาช่วยปรับค่า White balance ของรูปถ่ายให้ดีมากขึ้น
การเปิดเข้าแอพกล้องนั้นทำได้รวดเร็วมากด้วยการกดปุ่ม 2 ครั้ง ใช้เวลาเพียงเสี้ยววินาทีก็พร้อมถ่ายรูปแล้ว และเราสามารถกดปุ่ม Home ตอนไหนก็ได้ ไม่ว่าจะปิดเครื่องหรือเปิดเครื่องอยู่ สะดวกสุดๆ เบื้องหลังความรวดเร็วนี้เป็นเพราะ แอพกล้องจะไม่ถูกปิดหรือ Kill ออกจากหน่วยความจำเลยอีกความหมายหนึ่งคือพร้อมใช้ตลอดเวลา โหมดกล้องที่มีให้เล่นก็มีพอประมาณทั้ง Auto, Pro, Selective focus, Panorama, Slow motion, Fast motion และ Virtual shot แถมเรายังสามารถ download มาเพิ่มได้อีกเช่น โหมด Food ที่เอาไว้ถ่ายอาหาร
โหมด Pro เป็นโหมดใหม่ที่น่าจะเหมาะกับคนที่ชอบปรับค่าในการถ่ายรูปเอง Samsung ก็เปิดมาให้ปรับได้พอสมควรทั้ง ISO, WB, EV และระยะ Focus ยิ่งไปกว่านั้นยังสามารถ save ค่าที่ปรับเอาไว้เพื่อนำมาใช้ในครั้งต่อไปได้อีกด้วย
คุณภาพของภาพถ่ายนั้นเรียกว่าอยู่ในแถวหน้าของสมาร์ทโฟนยุคปัจจุบันแล้ว โดนเฉพาะของ Android ด้วยกันเองนี่หาคู่แข่งยากเลยล่ะ (ต้องรอดู LG G4 อีกที) เรียกว่า Samsung สามารถลบคำครหาไปได้อีกเรื่อง เพราะเรื่องคุณภาพของภาพถ่ายนี้เป็นปัญหามาตลอดในทุกรุ่นของ Galaxy S ลองมาดูตัวอย่างภาพถ่ายกันเลยดีกว่า
ภาพในที่แสงเพียงพอ
ภาพในที่แสงน้อย
ภาพถ่ายของกิน (เปรียบเทียบโหมด Auto กับโหมด Food)
อัลบั้มเต็ม
สำหรับการถ่ายวิดีโอด้วย Galaxy S6 ก็ไม่ทำให้ผิดหวัง เราสามารถเลือกความละเอียดที่ต้องการได้หลายแบบ เช่น UHD, QHD, 1080p 60FPS, 1080p และ 720p คุณภาพของวิดีโอก็สวยงามหายห่วงไม่แพ้ภาพนิ่งเลย ลองมาดูตัวอย่างกันครับ
คำแนะนำ:เวลาดูวิดีโอให้เลือกความละเอียดสูงสุด จะได้เห็นคุณภาพที่ตรง 100% นะครับ
1080p 30FPS
1080p 60FPS
UHD
บทสรุป...
Samsung Galaxy S6 สมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นใหม่ล่าสุดของ Samsung เป็นมือถือที่อยู่ในกลุ่มมือถือที่ดีที่สุดในปัจจุบัน หรือจะใช้คำว่าเป็นเจ้าแห่งสมาร์ทโฟนในปัจจุบันก็คงไม่เสียหาย ด้วยการคิดใหม่ทำใหม่โดยเริ่มจากศูนย์ (Project Zero) Samsung ได้ยกเครื่อง ขัดเกลา ปรับแต่ง Galaxy S6 ให้ดีที่สุดที่ทุกๆด้าน ไม่ว่าจะเป็นวัสดุ, งานออกแบบ, สเปกจัดเต็ม และ กล้องระดับท็อป นี่คือก้าวแรกของมือถือ Samsung ยุคใหม่อย่างแท้จริงและมันก็ดีที่สุดเท่าที่ Samsung เคยทำมาแบบไม่มีข้อกังขาใดๆ แต่ก็ยังมีข้อด้อยบางอย่างที่อยากให้ Samsung เปลี่ยนใจ โดยเฉพาะเรื่อง ช่องเสียบการ์ด microSD นั้นน่าจะยังมีอยู่ จะทำให้ Samsung Galaxy S6 น่าสนใจมากกว่านี้สำหรับหลายๆคน
ผมคิดว่า Samsung สามารถสร้างรากฐานใหม่ให้ตัวเองและวงการมือถือสำเร็จแล้ว ข้อครหาต่างๆที่เคยมีมาใน Galaxy S รุ่นเก่าๆน่าจะถูกลืมไปได้ สำหรับท่านที่กำลังมองหามือถือ Android ดีๆสักรุ่นที่ใช้กันไปได้ยาวๆ มือถือรุ่นนี้น่าจะอยู่ในตัวเลือกของท่านอย่างไม่ต้องสงสัยครับ สวัสดี คราวหน้าพบกันใหม่
ข้อดี
| ข้อด้อย
|