Quantcast
Channel: DroidSans blogs
Viewing all 6898 articles
Browse latest View live

ผู้ให้บริการโหลดแอพเถื่อนโดยสอยแล้ว เจอคุก 5 ปี

$
0
0

เดินเข้าซังเตไปแล้ว 2 ราย เมื่อผู้ต้องหาซึ่งเปิดให้บริการดาวน์โหลดแอพละเมิดลิขสิทธ์ ผ่าน Android App Store โดน FBI เข้าจับกุมและยอมสารภาพในชั้นศาลว่าผิดจริง โดยมีการละเมิดลิขสิทธ์ไปกว่า 1,000,000 แอพ คิดเป็นมูลค่า 700,000 เหรียญสหรัฐ 

คดีนี้น่าจะเป็นผลสืบเนื่องมาจากการที่ Google พยายามปกป้องสิทธิ์ของนักพัฒนาในปี 2012 โดยการติดต่อ FBI ส่งอีเมล์ให้นักพัฒนาตรวจสอบว่าแอพหรือเกมของเขานั้นถูกขโมยเอาไปลง App Store อื่นๆ โดยที่พวกเขาไม่รู้หรือเปล่า

FBI ได้ทำการตรวจสอบตระเวนปิดตลาดแอพเถื่่อนทั้ง AppBucket, Snappz market และอื่นๆ อีกมากมายตั้งแต่ปี 2012 เป็นต้นมา โดย Nicholas Narbone (26 ปี) และ Thomas Dye (21 ปี) ได้ถูกจับและแจ้งข้อหาละเมิดลิขสิทธ์ในปี 2012 เนื่องจากทั้งคู่เป็นผู้เปิดให้บริการ App store เถื่อนชื่อ AppBucket โดยมีเปิดให้บริการโหลดแอพเถื่อนตั้งแต่ปี 2010

ทั้ง Narbone และ Dye โดนตัดสินโทษให้จำคุกเป็นเวลา 5 ปีครับ

เห็นข่าวแบบนี้แล้ว ก็อยากให้ตำรวจบ้านเราเอาจริงเอาจังกับเรื่องละเมิดลิขสิทธิ์บ้าง จำได้ว่าหนังไทยเนี่ยต้องให้ค่ายหนังหรือดาราไปชี้แหล่งถึงจะจับ หรือบางทีก็เคยได้ยินว่าค่ายหนังไปขอโรงปั้มแผ่นผีว่าให้หนังฉายก่อนค่อยปั้มได้ไหม เฮ่อ.. 

source : mashable


ยินดีคืนเงิน! Apple เปิดโอกาสให้ส่งเรื่องขอคืนเงินได้ กรณีเด็กแอบกด In-App Purchase

$
0
0

Apple ได้ส่งอีเมล์หาผู้ใช้บริการ iOS ทกุคนที่มีการกดซื้อสินค้าหรือสิ่งต่างๆ ในเกมที่เรารู้จักกันว่า In-App Purchase โดยมีใจความว่า "หากเด็กกดซื้อ In-App Purchase สามารถขอเรียกเงินคืนได้ในบางกรณี"โอ้ว.. ป๋ามาก

หลังจากที่เป็นกรณีโดนฟ้องร้อง บ่น ก่น ด่า ให้ต้องขึ้นโรงขึ้นศาลกันมาสักพัก เพราะเด็กๆ พากันกดซื้อของซื้อไอเทมต่างๆบนเกมใน iPad, iPhone กันแบบเมามัน คุณพ่อคนหนึ่งโดนลูกกดไป 3,700 ปอนด์ (ราว 2 แสนบาท) จน FTC เคยออกมาไต่สวนกรณีนี้กับ Tim Cook ไปเมื่อต้นปีที่ผ่านมา

 

ในอีเมล์ที่ Apple ส่งให้กับลูกค้านั้นก็มีใจความดังนี้ครับ เอาต้นฉบับมาแปะเลยละกัน

Dear iTunes account owner,

 

Apple is committed to providing parents and kids with a great experience on the App Store. We review all app content before allowing it on our store, provide a wide range of age-appropriate content, and include parental controls in iOS to make it easy for parents to restrict or disable access to content.

We’ve heard from some customers that it was too easy for their kids to make in-app purchases. As a result, we’ve improved controls for parents so they can better manage their children’s purchases, or restrict them entirely. Additionally, we are offering refunds in certain cases.

 

Please follow the steps to submit a refund request:

Find your in-app purchase records. Check your email for iTunes receipts or use a computer to sign in to your iTunes account and view your Purchase History.

Use this link to submit your refund quest to Apple.

Provide the requested information and enter “Refund for in-App Purchases made by a minor” in the Details section.

Apple will review your request and contact you via email about your refund status. All refund requests must be submitted no later than April 15, 2015.

วรรคแรก Apple ก็เวิ่นเว้อนิดนึง ว่าเราเปิดให้บริการแอปหลากหลายในหลายกลุ่มอายุ และเรายังเปิดให้มีระบบ Parent Control ให้ผู้ปกครองปิดการเข้าถึงของแอพและส่วนต่างๆ ได้ รวมถึง In-App Purchase ด้วย (สนใจเข้าไปตั้งค่ากันหน่อย) แต่ถึงอย่างนั้น เราก็ยินดีที่จะคืนเงิน In-App Purchase ให้ในบางกรณี

ขั้นตอนการขอคืนเงินคือเราต้องไปเก็บหลักฐานต่างๆ เช่น อีเมล์ที่ iTunes ส่งใบเสร็จมาให้, ไล่ย้อนดูประวัติการจ่ายเงินในคอม แล้วก็กดส่งหลักฐานทั้งหมดไปที่ URL ที่แนบมาในอีเมล์ และใ้ห้ใส่ข้อความว่า "ขอคืนเงินเนื่องจากเด็กกดซื้อ In-App Purchsae"

จากนั้น Apple จะทำการตรวจสอบหลักฐานทั้งหมดก่อนจะตัดสินว่าจะคืนเงินหรือไม่คืนให้ (อย่างที่บอกข้างต้นว่าแล้วแต่เป็นกรณีไป) แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องยื่นเรื่องก่อน 15 เมษายน 2014 นี้เท่านั้น

source : 9to5mac 

 

ไม่ทราบใครใช้ iOS อยู่บ้างครับ ผมอยากรู้เหมือนกันว่า Apple เค้าส่งให้ทั่วโลกเลยหรือเปล่า หรือส่งแค่ในสหรัฐอเมริกาที่มีปัญหาฟ้องร้องกันเท่านั้น

เปิดตัว Oppo Find 7 กล้อง 50 ล้าน ชาร์จแบตไว และจอ QHD (2K)

$
0
0

เปิดตัวกันไปตั้งแต่วันพุธที่ผ่านมา กับสมาร์ทโฟนรุ่นเรือธงของ Oppo ซึ่งมีเซอร์ไพรส์เล็กน้อยที่ผุดรุ่นออกมาทั้งหมด 2 รุ่นคือ Find 7และ Find 7aโดยรุ่น Find 7aจะเป็นรุ่นลดสเปคลงมาแต่ว่ากล้องตัวเดียวกับตัว Find 7ส่วนราคาก็เปิดตัวที่ 3498 หยวน (ราว 19,000 บาท) และ 2998 หยวน (ราว 16,500 บาท) ขายรุ่น Find 7a ที่เมืองจีนไปเมื่อวันพฤหัสที่ผ่านมา ส่วนที่ไทยน่าจะได้เห็น Find 7a เร็วๆนี้ แต่ Find 7 น่าจะอีกสักระยะครับ

มาดูรายละเอียดของเจ้า Find 7 กันสักหน่อยดีกว่าว่ามีอะไรน่าสนใจบ้าง

ดีไซน์ภายนอกของ Oppo Find 7a สีเทาดำ

   

สเปคคร่าวๆของ Oppo Find 7 และ Find 7a ไปดูสเปคแบบเต็มๆที่ เปรียบเทียบสเปคและราคา Oppo Find 7 และ Find 7a


Find 7

Find 7a

OS

ColorOS 1.2 (Android 4.Innocent, upgradable to ColorOS 2.3 (Android 4.3)

ColorOS 1.2 (Android 4.Innocent, upgradable to ColorOS 2.3 (Android 4.3)

CPU

Quad-core 2.5 GHz Krait 400

Quad-core 2.3 GHz Krait 400

3G/4G

รองรับทุกเครือข่าย

รองรับทุกเครือข่าย

RAM/MEM

3GB / 32GB + microSD 128GB

2GB / 16GB + microSD 128GB

หน้าจอ

IPS LCD 5.5” / (2560x1440) / ~538ppi

IPS LCD 5.5” / (1920x1080) / ~403ppi

กล้อง

13MP + 5MP dual-LED Flash

13MP + 5MP dual-LED Flash

ขนาดและน้ำหนัก

152.6 x 75 x 9.2 ซม. 171กรัม

152.6 x 75 x 9.2 ซม. 170กรัม

แบตเตอรี่

Li-Po 3000mAh

Li-Po 2800mAh

ราคา

3498 หยวน (~19,000 บาท)

2998 หยวน (~16,500 บาท)

ก็ต้องบอกว่าเจ้า Find 7 เป็นตัวที่จัดสเปคมาให้แบบสุดๆ แต่ถ้าแพงเกินไป ลดงบลงมาหน่อยเป็น 7a ก็ถือว่าโดยรวมยังดูดีน่าใช้อยู่ไม่แพ้กัน

 

หน้าจอ 2K QHD ความละเอียด 1440 x 2560 -- ว้าวหรือแว๊ก??

เมื่อได้ลองจับ Oppo Find 7 และ Find 7a และมองด้วยตาเปล่าแล้ว กลับแยกความแตกต่างของหน้าจอ QHD และ FHD ไม่ออก สาเหตุก็น่าจะเพราะจำนวนพิกเซลต่อตารางนิ้วมัน (ppi) เยอะเกิน 300 ไปแล้วทั้งคู่นั่นเอง จึงทำให้ผมกลับเป็นห่วงว่าหน้าจอ QHD ของ Oppo Find 7 จะเป็นข้อเสียไปแทน เพราะด้วยความละเอียดหน้าจอที่มากขึ้น จะทำให้หน่วยความจำในเครื่องลดลง ซีพียูรับภาระมากขึ้น และอาจกินไฟมากขึ้นตามไปด้วย แต่ยังไงก็คงต้องรอดูการใช้งานจริงว่าสิ่งที่ผมห่วงนั้นจะมีผลอะไรรึเปล่า

แต่ Oppo Find 7 หน้าจอไม่ได้มีดีแค่ความละเอียด แต่ว่ายังมีเทคโนโลยี TOL (Touch On Lens) ที่ใช้แผ่นแก้วเพียงแค่แผ่นเดียวและฟิล์ม ITO (Indium Tin Oxide) วางอยู่ที่บนผิวกระจก ทำให้หน้าจอบางและเบาลง แต่ว่าคงความแข็งแรงเอาไว้ นอกจากนี้ตัวหน้าจอยังมีความไวต่อการสัมผัสสูง ด้วยการปรับแต่งหน้าจอและ Touch IC Chip จาก JDI ที่เป็นผู้ผลิตหน้าจออันดับหนึ่งของโลก และระบบ Display Aesthetics 2.0 ให้สีที่สดคมชัด ดำเป็นดำขาวเป็นขาว

ปล. โม้เอาไว้เยอะแบบนี้ คิดถึงแบรนด์ๆนึงเลย ที่มีชื่อเรียกเทคโนโลยีหน้าจอเยอะแยะเต็มไปหมด แต่ออกมาจริงแล้วแป๊กสุดๆ ไม่เจ๋งจริงอย่างที่โม้...รอดูของ Oppo ละกัน

 

แบตใหญ่ ถอดเปลี่ยนได้ ชาร์จเต็มไว 75% ใน 30 นาที -- มันคืออะไรที่หลายคนรอคอย

3,000 และ 2,800 mAh เป็นแบตที่ใส่เข้ามาให้ใน Find 7 และ Find 7a ตามลำดับ  ถอดเปลี่ยนได้ ซึ่งขนาดแบตเท่านี้เรียกว่าเยอะเป็นอันดับต้นๆของ Smartphone ในยุคนี้แล้วก็ว่าได้ แต่ว่าปกติแบตขนาดเท่านี้ก็จะต้องใช้เวลาชาร์จที่นานโขอยู่ แต่ว่าใน Oppo Find 7 นำเอา VOOC (วุค) เทคโนโลยีชาร์จไวขึ้น 400% มาใส่เอาไว้ เปรียบเทียบให้เห็นภาพก็คือ คุยโทรศัพท์ 2 ชม. ชาร์จให้เท่าเดิมได้ในเวลา 5 นาที หรือถ้าแบตหมดๆอยู่ก็สามารถชาร์จถึง 75% ได้ภายใน 30 นาที!!!

อะไรทำให้ Oppo Find 7 มันชาร์จเร็ว? VOOC มันทำงานยังไง?

หลักๆก็คือชาร์จเจอร์ของ Oppo Find 7 จ่ายไฟ 4.5A*ซึ่งมือถือทั่วไปจ่ายไฟเพียงแค่ 1A หรือถ้าแบตใหญ่ๆอย่าง Tablet ก็เพียง 2A เท่านั้น ซึ่งหลายๆคนอาจจะกลัวว่าฟีเจอร์นี้จะอันตรายรึเปล่า แต่ทาง Oppo ก็ได้การันตีและชี้แจงรายละเอียดออกความปลอดภัย 5 เลเยอร์ดังนี้

  • เลเยอร์ 1 - วงจรความปลอดภัยในตัวอแดปเตอร์ ไม่ให้จ่ายไฟแรงสูงออกมา แม้วงจรภายในจะเสียหายก็ตาม
  • เลเยอร์ 2 - ชิปอัจฉริยะในอแดปเตอร์ ช่วยควบคุมการจ่ายไฟระหว่างการชาร์จ ถ้ามีระบบใดที่ไม่พร้อมหรือได้รับความเสียหาย การชาร์จไฟแบบรวดเร็ว (Flash Charge) จะไม่ทำงาน
  • เลเยอร์ 3 - สวิทช์อิเลคโทรนิคส์ในส่วนเชื่อมต่อ (Interface) ทำงานร่วมกับชิป MCU ช่วยตัดสินใจว่าจะชาร์จไฟหรือไม่ ระบบทุกอย่างปกติหรือเปล่า
  • เลเยอร์ 4 - ป้องกันการชาร์จไฟที่แรงเกินไปในตัวแบต
  • เลเยอร์ 5 - ฟิวซ์ในตัวโทรศัพท์ หากมีความผิดปกติเมื่อไหร่ ก็จะตัดการชาร์จไฟในทันที

และที่สำคัญคือเจ้า Oppo Find 7 ยังมีการปรับแต่งตัววงจรไฟให้เครื่องไม่ร้อนขณะชาร์จไฟอยู่ ช่วยลดความน่าเป็นห่วงลงไปอีก รวมถึงใช้ดัชนีความปลอดภัยของการชาร์จระดับเดียวกับกระสวยอวกาศ ให้เราๆมั่นใจได้ว่าการชาร์จไฟแรงและเร็วของ Oppo Find 7 น่าเชื่อถือและไม่อันตราย

*ข้อมูลจากผู้จัดการฝ่ายผลิตภัณฑ์ แต่ยังไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่ มันดูขัดๆกับพรีเซนต์ เดี๋ยวรอของมาแล้วเช็คให้อีกทีนะครับ

 

กล้อง 13 ล้าน ปรับขนาดเป็น 50 ล้านได้ด้วยซอฟท์แวร์ -- คุณภาพที่คนเล่นกล้องเห็นแล้วยังชม

Oppo Find 7 มีการใช้โมดูลกล้องของ Sony รุ่น IMX214 รุ่นที่สองของเซนเซอร์แบบซ้อนกัน สามารถลดความพร่ามัวในการถ่ายภาพเคลื่อนไหว รับส่งข้อมูลได้ไวถึง 480MP/s มีขนาดรูรับแสงกว้างสุดถึง 2.0 ถ่ายวิดีโอความละเอียด 2K ได้ที่ 30FPS หรือจะถ่ายภาพ slow-motion ที่ 120FPS @ 720p

กล้องของ Oppo Find 7 ยังมีความสามารถเจ๋งๆอีกหลายอย่าง

  • Tracking Focus - ล็อคโฟกัสวัตถุเคลื่อนไหวได้
  • Super Zoom - ซูมภาพแล้วยังเก็บรายละเอียดออกมาได้ครับ
  • ภาพระดับ Ultra-HD - ด้วยเทคโนโลยี PI 2.0 เจ้า Oppo Find 7 จะทำการถ่ายภาพ 10 ภาพและเลือกเอาส่วนที่ดีที่สุดจากภาพต่างๆมารวมกันเป็นภาพขนาด 50 MP หรือ urtra-HD ซึ่งสามารถพิมพ์งานออกมาที่ขนาด 10 ตารางเมตรได้
  • Slow Shutter นานสุดที่ 32 วินาที - สำหรับถ่ายภาพกลางคืนที่แสงน้อยมากๆ หรือว่าแสงเคลื่อนไหวต่างๆเช่น รถวิ่งตามท้องถนน พลุ
  • ลด Noise ขณะการถ่ายภาพกลางคืน

Quoted from พี่หาว 2how.com (พอดีได้ไปทริปเปิดตัวด้วยกัน เลยขอยืมคำพูดของพี่เค้ามาเล่าละกัน)

Find 7aOPPO Find 7 มีเนื้อภาพที่มีคุณภาพดีมาก noise ค่อนข้างน้อย เก็บรายละเอียดมาดี ดูแล้วดีกว่าแบรนด์ใหญ่ๆบางแบรนด์ที่เนื้อภาพมีการดึงแสงปรับสี process ภาพไปจนเละ เอาไปแต่งต่อ อัพขึ้น IG แล้วจะไม่สวย

 

อันนี้เป็นตัวอย่างภาพบางส่วนที่ Android Authorityได้เอาไปเทสต์ โดยจะมีการตัดภาพแบบ crop 100% มาให้เห็นชัดๆถึงความละเอียดที่ทำได้ ซึ่งทั้งหมดนี้ถ้าได้เครื่องจริงมาเมื่อไหร่ จะลองเอามาจับเทสต์ให้ดูกันอีกทีครับ (ที่ต้นทางจะมีไฟล์ต้นฉบับอยู่ ไปโหลดดูกันได้)

นี่คือ 3 ฟีเจอร์เด่นของ Oppo Find 7 ที่ผมได้สรุปมาให้เพื่อนๆได้อ่านกัน ซึ่งจริงๆมันก็ยังมีเรื่องยิบย่อยอีกเล็กๆน้อยๆ เช่น

  • Skyline Notification - แถบไฟ notification สวยๆด้านล่างของเครื่อง
  • กรอบเครื่องทำจากวัสดุ Ti-Al Alloy
  • MaxxAudio Effect - ซอฟท์แวร์เสียงบน Find 7 ช่วยปรับปรุงคุณภาพเสียงให้ฟังเพลงได้เนียนขึ้น
  • ColorOS 2.0 - กำลังจะอัพเดทให้ และลูกเล่นมันก็เพียบเลย
ฟีเจอร์ทั้งหมดยังไงเดี๋ยวถ้ามีเครื่องเมื่อไหร่จะเอามาเล่นให้ดูและทดสอบกันอีกทีนะครับ
 

ราคาและวันวางจำหน่ายของ Oppo Find 7  และ Find 7a 

ราคาที่เมืองจีนก็ได้ประกาศออกมาที่ 3498 และ 2998 หยวน สำหรับ Oppo Find 7 และ Find 7a ตามลำดับ ซึ่งราคาที่เมืองไทยก็เห็นว่าจะออกมาไม่ต่างกันมาก ผมก็ขอเก็งราคาที่ 19000 บาท และ 16500 บาท ละกัน ส่วนวันวางจำหน่ายเห็นว่าจะนำเอา 7a เข้ามาขายก่อนในเดือนเมษายนนี้ ส่วน Find 7 ยังต้องรอคอนเฟิร์มอีกทีครับ

 

สรุป 

ก็ต้องบอกว่าเจ้า Find 7 มันก็มีจุดน่าสนใจอยู่พอสมควร ทั้งเรื่องของหน้าจอสวย แบตใหญ่ชาร์จไฟเร็ว และกล้องคุณภาพที่โอเค แต่ว่าคงต้องรอดู Oppo Thailand จะเปิดราคาของ Find 7 และ Find 7a ที่เท่าไหร่ เพราะยิ่งเปิดราคาแรงเท่าไหร่ ก็จะยิ่งน่าหนักใจ เพราะตลาดราคาใกล้ๆกัน Find 7 จะต้องทะลวงด่านของ LG G2, Sony Xperia Z1, Samsung Galaxy S4, รวมถึง iPhone...งานช้างพอสมควรนะเนี่ย ^^"

 

เก็บภาพจากงานเปิดตัว Oppo Find 7 มาฝากกันซักหน่อยครับ Smile

งานจัดในที่คล้ายๆแท๊งค์ขนาดใหญ่ จุคนเยอะใช้ได้เลย

พนักงานของ Oppo เองมารุมถ่ายตอนเอา Find 7 ลงมาจากด้านบน เบียดจนแทรกเข้าไปไม่ได้กันเลย

แต่ละคนใจจดใจจ่อกับงานเปิดตัวมาก จนน่าประทับใจ

ลักษณะการพรีเซนต์ถอดแบบมาเลย

กราฟฟิกประกอบการพรีเซนต์ มีการใช้สถานที่และประเพณีไทยอยู่เยอะมาก

นายคนนี้มาเปิดตัว MaxxAudio เห็นว่าเป็น Sound Engineer ชื่อดังในวงการฮอลีวูด

จริงๆมี O-Band ที่ใช้งานได้เหมือน O-Ring ขายด้วย แต่ทาง Oppo Thailand บอกว่าจะไม่เอาเข้าไทย 

หลุดตารางอัพเดท HTC Sense 6.0 และ Android KitKat 4.4.2

$
0
0

วันนี้ได้มีภาพหลุดของสิ่งที่ชาว Android รอคอยมาตลอด นั่นคือการประกาศอัพเดทเวอร์ชั่นน้องหุ่นไปเป็นรุ่นใหม่อย่าง KitKat 4.4.2 ของค่าย HTC ซึ่งรอบนี้จะมาพร้อม Sense 6.0 ซะด้วย ว่าแต่รุ่นไหนได้ไปต่อ รุ่นไหนตายตกตามค่าย CPU ไป ขอเชิญชมกันได้เลย

สมาร์ทโฟนของ HTC ที่จะได้รับ Android 4.4.2 และ Sense 6.0 ก่อนเพื่อนคือ HTC One M7ครับ โดยมีกำหนดการอยุ่ที่เดือนพฤษภาคมหรือมิถุนายน ส่วน HTC One Dual SIM, HTC One Max, HTC One Mini และ HTC Butterfly S จะได้รับการอัพเดทช่วงเดือนมิถุนายนหรือกรกฎาคม

 

ทางด้าน HTC Butterfly นั้นจะได้รับการอัพเดทเป็น Android 4.4.2 พร้อม Sense 5.5 เท่านั้น (ยังอยู่ในระหว่างการทดสอบ) ยังไม่มีกำหนดการอัพเดทเป็น Sense 6.0

ส่วน One X, One X+ นั้นโดนแพไปเต็มๆ เพราะค่าย CPU อย่าง NVIDIA ไม่ปล่อย drivers KitKat ของ Tegra 3 มาให้กับทาง HTC คาดว่าคงต้องสิ้นอายุขัยที่ 4.2.2 ครับ
 

มาถึง device เล็กๆ อย่าง HTC Desire 601 ที่เพิ่งวางขายในบ้านเราก็มีแผนจะอัพเดทจาก Jelly Bean มาเป็น KitKat นะครับ แต่ตอนนี้ยังอยู่ระหว่างการทดสอบ

 

source : androidheadlines

 

Globlins : มาบี้ไว้รัสต่างดาวกัน เกมแนว Puzzle เบาๆ ภาพน่ารัก

$
0
0

Globlins : เกมแนว Puzzle ภาพน่ารักจากค่าย Cartoon Network โดยในเกมเราจะรับบทเป็นคนที่ช่วยโลกด้วยการกำจัดไวรัสจากนอกโลกที่ติดมากับลิงที่กลับจากการเดินทางไปอวกาศ มีเนื้อเรื่องให้เราชมตอนเริ่มเกมครั้งแรกด้วยนะเออ ผมว่ามันสนุกดีนะกับเกมที่มีสตอรี่ให้เราเข้าใจได้เนี่ย

ในส่วนของตัวเกม ก็เล่นไม่ยากครับแค่แตะไปที่ตัวไวรัส มันก็จะแตกโป๊ะออกไปสี่ทิศทาง และเศษที่แตกออกจะไปกระทบกับตัวอื่นทำให้แตกต่อเนื่องแบบลูกโซ่ (Chain reaction) หน้าที่ของเราก็คือ pop มันให้หมดทุกตัวโดยใช้จำนวนครั้งที่แตะให้น้อยที่สุด ด้านขวาจะมีหลอดน้ำยาที่ใช้ในการบี้ไวรัสแต่ละครั้ง โดยทุกครั้งที่เราทำคอมโบ 3 ตัวขึ้นไปก็จะได้จำนวนน้ำยาเพิ่มด้วย แต่ถ้าใช้น้ำยาหมดก็แพ้นะจ๊ะ

เกมจะเล่นกันในสมองของเราเนี่ยแหละ และสามารถซื้อไอเทมช่วยเล่นได้ด้วยตรงปุ่ม Gadget เลย แต่เกมนี้ใช้ระบบ Energy ก็คล้ายๆกับเกมใน Facebook นั้นแหละ ที่เล่นแต่ละครั้งต้องใช้ Energy พอหมดก็ต้องรอให้ Energy มันค่อยๆเพิ่มมา ดูได้จากมุมขวาบนเลยจ้า

เกมนี้ยังมีบอสให้เราสู้ด้วยนะครับ อิอิ ภาพสวย บอสยังน่ารักไปเลย 555+
แถมเกมนี้โหลดฟรีซะด้วย ไปจัดกันเลยคร้าบ

info:
Name: Globlins
Dev: Cartoon Network
Price: Free
Size: 79M
Rate: 3.9

ตีฆ้องร้องป่าว ตามหา Creative / Programmer / Designer ร่วมงาน Startup Weekend!!

$
0
0

เพื่อนๆคนไหนที่แวะเวียนมาอ่านแล้วเป็น Creative/Designer/Programmerและอยากลองเริ่มทำธุรกิจของตัวเอง แต่ยังไม่รู้ว่าจะเริ่มอะไรแล้วล่ะก็ ลองไปร่วมงาน Startup Weekendกันดูได้ เพราะคุณอาจจะได้เจอคนที่เป็นผู้ร่วมอุดมการณ์ จากหลายสาขาอาชีพ เพียงเข้าร่วม Workshop ในสุดสัปดาห์แห่งความสนุกและท้าทาย คิดหากลั่นกรองไอเดียที่น่าสนใจ พัฒนาโมเดลธุรกิจ และถามความคิดเห็นจากกูรูว่าอนาคตจะรุ่งหรือร่วง แล้วนำไปพัฒนาต่อไปจนเป็นธุรกิจจริงจังในอนาคตได้ ซึ่งงานนี้เป็นงานที่ช่วยปลุกปั้น Startup จากทั่วโลกมานักต่อนักแล้วจ้า

สนใจเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ http://bangkok.startupweekend.org/และเข้าไปซื้อบัตรลงทะเบียนได้ที่ http://bit.ly/PCP6j8

 

ลดภาระ OTA...HTC จัดการเอา HTC Blinkfeed และ Service Pack ขึ้น Google Play Store เรียบร้อย

$
0
0

HTC ตัดสินใจเดินตามรอย Google และ Motorola ด้วยการนำเอา App และ Service หลักๆของ HTC One 2014 ขึ้นไปบน Google Play Store เรียบร้อย ได้แก่ HTC Blinkfeedและ HTC Service Packจุดประสงค์ก็เพื่อให้การปล่อยอัพเดตสำหรับ HTC One 2014 นั้นทำได้อย่างรวดเร็วมากขึ้น ไม่จำเป็นต้องรอการปล่อยอัพเดตทาง OTA หรือ HTC Sync อีกต่อไป ผู้ใช้งานก็สามารถอัพเดตด้วยตัวเองผ่านทาง Google Play Store ได้เลย โดยไม่ต้องรอรอบการปล่อยอัพเดตในแต่ละประเทศซึ่งได้ช้าเร็วไม่เท่ากัน

สำหรับ Blinkfeedนั้นคือส่วนหนึ่งของ HTC Sense ที่เอาไว้แสดงข่าวสารและกิจกรรมจากแหล่งต่างๆที่เราสนใจ
ไม่ว่าจะเป็นจาก เว็บข่าว, Social network ของเรา และข้อมูลนัดหมายจากปฎิทินที่เราบันทึกไว้ ส่วน Service Packเข้าใจว่าจะคล้ายกับ Service Pack ของ Windows ที่เป็นการอัพเดตเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพและแก้ไขปัญหาต่างๆของระบบนั่นเอง 

โดนส่วนตัวคิดว่าวิธีนี้เป็นวิธีการที่ดีมากเพราะสามารถแก้ปัญหาทางด้านซอฟแวร์ของมือถือได้อย่างรวดเร็ว และช่วยแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำของการอัพเดตในแต่ละประเทศได้อีกด้วย นอกจากนั้นผู้ผลิตเองก็สามารถลดภาระการดูแล server ที่ใช้สำหรับปล่อยอัพเดตมือถือของตัวเองในแต่ละประเทศได้อีกด้วย โยนภาระ เอ้ย! แบ่งเบาภาระไปให้ Google จัดการให้แทน

 

ที่มา: Google Play Store (1),(2)และ PhoneArena

เปิดตัว HTC One M8

$
0
0

ติดตามงานเปิดตัว HTC One M8 ได้ที่นี่จ้า

งานจะเริ่มแล้ว ตื่นแต้นๆ

 

เริ่มงานแน่นอนว่าก็ต้องเป็น Peter Chou ที่ออกมาทักทายแฟนๆ เอ๊ย นักข่าวและผู้ร่วมงานก่อน
 

เสร็จแล้วก็หยิบ HTC One M8 ขึ้นมาถ่ายรูป ปิดงาน สวัสดี.. ไม่ช้ายยย

 

เริ่มจากการประกาศศักดาของ HTC One M7 ที่ไปคว้ารางวัลต่างๆ มามากมายซะก่อน

 

 

แล้วพี่แกก็คว้า HTC One M8 ขึ้นมาโชว์ ทาดา! 

 

 

สเปคของ HTC One M8มาแล้ว

  • Android 4.4.2 พร้อม Sense 6.0
  • ตัวเครื่องทำจากโลหะ 2 ชิ้นประกบกัน
  • หน้าจอ 5 นิ่้วความละเอียด Full HD 1080p
  • Snapdragon 801
  • กล้องคู่ด้านหลัง
  • กล้องหน้าความละเอียด 5 ล้าน
  • ใส่ micro SD เพิ่มได้ 128 GB
  • RAM 2 GB
  • แบตเตอรี่ 2600 มิลลิแอมป์

 

มีวางจำหน่ายด้วยกันทั้งหมด 3 สี นั่นคือ Gun Metal Grey, Glacial Silver, Amber Gold 

 

 

Extreme Power Saving Modeใช้งานมือถือ, sms , e-mail ได้ แบตเหลือ 10% สแตนบายด์ได้ 30 ชั่วโมง แบตเหลือ 5% สแตนบายด์ได้ 15 ชั่วโมง (ออกมาตบตีกับ Galaxy S5 เลยนะเนี่ย)

 

 

 Motion Launcherเคาะจอป้อกๆ 2 ครั้งจอติด เอียงเครื่องกดปุ่มลดเสียงกล้องเปิด

 

กล้อง 2 ตัวด้านหลัง ช่วยในการจับความลึกของภาพ ทุกภาพที่คุณถ่ายสามารถปรับชัดลึกชัดตื้นได้ด้วย Restore Focus หลังจากถ่ายไปแล้ว ไม่ต้องเปลี่ยนโหมดกล้องไปมาให้ยุ่งยาก

 

 ต่อมาคือตัวเคส htc dot view

htc dot viewมีให้เลือกด้วยกัน 5 สี Warm Black, Imperial Blue, Orange Popsicle, Atlantis, Baton Rouge โดยจะทำหน้าที่โชว์ข้อมูลขึ้นมาตามรูๆ นั่นแหละ ที่เจ๋งคือสามารถเคาะให้จอติด หรือสไลด์เพื่อรับสายได้จากตัว dot view โดยไม่ต้องเปิดฝาขึ้นมาเลย

 

รายละเอียดเพิ่มเติมไปดูได้เลย ที่เว็บของ HTC One M8 จ้า


ลืมบอกหรือเปล่า...HTC One M8 มีความสามารถกันน้ำได้ด้วยนะจ๊ะ

$
0
0

ผ่านไปแล้วครับสำหรับงานเปิดตัว HTC One M8 ในที่สุดก็รู้ชื่อจริงๆสักที สามารถติดตามดูรายละเอียดจากงานเปิดตัวได้ที่ข่าวนี้นะครับ แต่ดูเหมือนว่ามีอีกความสามารถหนึ่งที่ Peter Chou ไม่ได้พูดบนเวทีนั่นคือ HTC One M8 มันกันน้ำได้ด้วยนะ!รู้ได้ไงว่ากันน้ำ? ขอเชิญทัศนาวิดีโอจาก youtube ของ TechSmartt ด้างล่างนี้ได้เลย ขอบคุณเพื่อนสมาชิก @Innadirที่มาบอกกล่าวข้อมูลให้่ทราบกัน

จากวิดีโอการทดสอบด้านบนจะเห็นได้ว่า ผู้ทดสอบเอา HTC One M8 ไปแช่ในอ่างน้ำตั้งแต่เวลา 5.14 จนถึง 6.50 รวมเป็นเวลา 1 ชั่วโมง 36 นาที แล้ว HTC One M8 ก็ยังใช้งานได้ปกติ ซึ่งผู้ทดสอบบอกว่า เค้าคาดหวังว่า มือถือระดับพรีเมียมแบบนี้จะอยู่ได้ไม่เกิน 5 นาทีก็พังแล้วเหมือนกับที่เค้าเคยทดสอบกับ iPhone 5S ต้องบอกว่าเป็นเรื่องน่าประหลาดใจมากที่ HTC One M8 กันน้ำได้เหมือนกัน แต่ไม่สนับสนุนให้ไปลองกันนะครับ เจ๊งไปก็ตัวใครตัวมัน

 

ที่มา:Youtubeและ เพื่อนสมาชิก @Innadir 

[DroidSans Review] รีวิว HTC One M8 ภาค 1 สัมผัสตัวเครื่องและฟีเจอร์กล้อง

$
0
0

ในที่สุด HTC One M8ก็ได้เปิดเผยโฉมหน้าอย่างเป็นทางการเป็นที่เรียบร้อย ส่วนตัวผมเองบอกเลยว่าดีใจมากที่ HTC ไม่ใช้ชื่อ All New One อะไรนั่นเพราะมันยาวมากๆ แถมชื่อ M8 ที่เป็นรหัสรุ่นนั้นทุกคนก้รู้จักกันไปหมดแล้ว 

ในเมื่อมันเปิดตัวแล้วเราจะช้าอยู่ทำไม มารีวิว HTC One M8กันเลยดีกว่า ว่าไอ้ฟีเจอร์เด็ดๆ ลูกเล่นโดนๆ ที่มีในงานเปิดตัวนั้นเอาเข้าจริงๆ แล้วมันเวิร์คแค่ไหน ใช้ได้จริงหรือเปล่า

= Video Review HTC One M8 =

กำลังอัพโหลด รอหน่อย รอหน่อย

 

ดีไซน์ของ M8 นั้นถ้ามองจากด้านหน้ามันก็ไม่ได้ต่างจาก HTC One เท่าไหร่นัก แต่จะเห็นว่ามีความโค้งมนมากกว่าเล็กน้อย เอกลักษณ์ลำโพงคู่ Boomsound Stereo นั้นยังคงอยู่เหมือนเดิม หน้าจอขนาด 5 นิ้วใหญ่กว่าตัวเก่านิดหน่อย จุดเด่นอีกอย่างที่ด้านหน้าคือกล้องครับ กล้องหน้าของ One M8มีความละเอียด 5MP ครั้งแรกของ HTC เลยนะเนี่ย 

ส่วนประกอบทั้งหมดของเครื่องเป็นโลหะถึง 90% โดยมีการขึ้นรูปเพียงแค่ 2 ชิ้นเท่านั้นคือฝาหลังและส่วนของหน้าจอแล้วนำมาประกบกัน งานประกอบนั้นดูดีสมชื่อ HTC ครับ ส่วนขอบด้านข้างของ One M7 ที่หลายคนน่าจะลูบๆ แล้วเจอคมตอนนี้ใน One M8มีการเก็บงานใหม่ ขัดลบคมทิ้งไปเรียบร้อย ขอบโค้งด้านข้างตัวเครื่องนั้นก็จับกระชับเข้ากับมือได้ดีทีเดียว

 

ผมเองได้มีโอกาสลองจับเจ้า M8แค่สองสีเท่านั้น นั่นคือสีเทา Gun Metal Grey และอีกสีเงิน Glacial Silver ส่วนสีทอง Amber Gold นั้นไม่มีมาให้ลอง  :p

มองไปที่ภาพปราดเดียวก็รู้ครับ ว่าสีเงิน Glacial Silver นั้นเป็นสีแบบเดียวกับ One M7 แน่ๆ เพราะฉะนั้นคงไม่ต้องอธิบายกันมาก แต่ต้องบอกเลยว่าสีเทา Gun Metal Grey นี่โดนครับ คือพอเห็นแล้วผมไม่ชายตามองสีเงินอีกเลยฮ่าๆ (เรื่องสีเป็นความชอบส่วนบุคคล อันนี้ก็แล้วแต่คนชอบนะ) พอผมเอิ้อมมือไปหยิบมันขึ้นมาเท่านั้นแหละ.. เฮ้ยเบา มันรู้สึกเบากว่า One ตัวเก่าซะอีก แต่ความเย็นที่ได้จากการสัมผัสผิวโลหะนี่มันฟินจริงๆ (อันนี้เรายังไม่พูดถึงว่าถ้าเล่นนานๆ แล้วมันจะร้อนมือหรือเปล่านะ)

 

ไหนๆ ก็หยิบขึ้นมาแล้ว เรามาดูด้านหลังที่หลายคนบ่นว่ามันประหลาดมาก จะยัดมาทำไมกล้อง 2 ตัว ตรงนี้ขออธิบายว่ากล้องหลักของ HTC One M8คือตัวที่อยู่ตรงกลางข้างๆ Dual LED Flash นั่นแหละครับ เป็น Ultrapixel 4MP เช่นเคย ส่วนกล้องด้านบนนั้นมีไว้เพื่อเป็นตัวจับความลึกของภาพครับ

แล้วทำไมต้องจับความลึกของภาพด้วย? คำถามนี่้มีคำตอบง่ายๆ ว่าเพือเอามาเพิ่มลูกเล่นให้กับกล้องของ HTC One M8 ไงครับ ไว้เดี๋ยวไปอธิบายเพิ่มเติมด้านล่างในส่วนของกล้องก็แล้วกัน 

 

จากภาพนี้จะเห็นการเก็บชิ้นงานด้านข้างตามที่บอกไปข้างต้นว่าส่วนที่เป็นสีเงินๆ นั่นไม่คมเหมือน One ตัวเก่าแล้ว ส่วนตำแหน่งของปุ่ม Power นั้นอยู่ที่ด้านบนเหมือนเดิม แต่เนื่องจากตัวเครื่อง One M8นั้นยาวขึ้น การจะเอื้อมนิ้วไปกดบอกเลยว่าลำบากกว่าเดิม แต่ไม่เป็นปัญหาเพราะมี Motion Launcher เคาะจอ 2 ครั้งก็ติดแล้ว แบบ LG G2 นั่นแหละ ส่วนแถบดำๆ บริเวณส่วนหัวของเครื่องนั่นคือ IR Blaster หรือ Infrared remote ที่ใช้เปลี่ยนช่องทีวีเปิดปิดเครื่องใช้ไฟฟ้าตามแต่เราจะตั้งค่าปุ่มและแอพเอาไว้

 

ปุ่มปรับเสียงอยู่ทางด้านขวาเช่นเดียวกับช่องใส่ micro SD ซึ่งรองรับความจุสูงสุด 128GB ช่องเสียบ micro USB อยู่ด้านล่างติดๆ กันคือช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม 

 

ส่วนอีกด้านหนึ่งของตัวเครื่องนั้นเป็นช่องใส่ซิม ซึ่งตอนนี้กลายเป็นนาโนซิมไปเรียบร้อยแล้ว..

 

เป็นอันว่าเสร็จสิ้นกับการพาทัวร์รอบๆ ตัวเครื่องกันไปเท่านี้ อย่ามาถามหาวิธีเปิดฝาหลังเพราะมันไม่มี แกะแบตออกมาไม่ได้ พูดถึงแบตแล้วก็ขอบอกว่า HTC One M8มีแบตเตอรี่ขนาด 2,600 มิลลิแอมป์นะ

ได้เวลาเปิดเครื่องแล้ว เปิด เปิด เปิด! งานนี้ต้องขอลองของใหม่ (แต่เก่าค่ายอื่น) นั่นก็คือ Motion Launcher ที่ทาง HTC ได้ฝังเซนเซอร์ทที่กินพลังงานต่ำมากๆ เข้าไปในตัวเครื่อง เพื่อช่วยปลุกให้เครื่องตื่นขึ้นมารับใช้เราได้ในทุกขณะแม้หน้าจอจะดับอยู่

อย่างแรกเลยก็คือการเคาะเบาๆ ไปที่หน้าจอสองครั้ง แล้วหน้าจอก็จะติดขึ้นมาได้เอง โดยที่เราไม่ต้องเอื้อมนิ้วไปกดปุ่ม Power ด้านบน

 

นอกจากนั้นเรายังสามารถใช้การลากนิ้วไปมาขณะหน้าจอดับได้ถึง 4 ทิศทางเช่นลากขึ้นบน ลากจากซ้ายไปขวาเพื่อเปิดหน้าจอสู่การทำงานที่แตกต่างกัน เข้าแอพล่าสุด เปิดหน้าวิดเจ็ต และถ้าหากเราถือเครื่องในแนวนอนเอาง่ายๆ ว่าเป็นท่าถ่ายรูปแล้วกดปุ่มลดเสียงค้างไว้ กล้องก็จะเด้งเปิดขึ่้นมาให้ทันที 

 

ต่อมาคือ Blinkfeed เวอร์ชั่นใหม่ จากเดิมใครที่เคยใช้แล้วปิดไปเพราะไม่ชอบ เพราะมันไปเอาข่าวอะไรก็ไม่รู้มาให้อ่าน ปรับตั้งค่าได้น้อย มารอบนี้ HTC จัดการยกเครื่องใหม่ ให้คุณสามารถใช้งาน Blinkfeed ได้ตามใจชอบรอบนี้แค่ใส่ keyword เข้าไป มันก็จะไปควานหาข้อมูลที่เกี่ยวกับคำนั้นๆ มาเรียงร้อยเป็นหน้าข่าวให้คุณ

 

ส่วนกล้องนั้นทาง HTC ก็มีการปรับ UI ไปพอสมควรให้มันดูสะอาดสะอ้านเป็นการรวมเอาทั้ง minimalistic และ flat design มาผนวกกัน

จากเดิมที่ UI ไม่ค่อยมีอะไรซับซ้อนมารอบนี้เลยโล่งกว่าเดิม ดูสะอาดตาขึ้น แต่หน้าตาเรียบๆ แบบนี้ขอบอกว่ามีของนะครับ

 

โหมดกล้องนั้นมีหลักๆ อยู่แค่ 6 โหมด เรียงจากซ้ายก็ Selfie, Camera, Dual Capture, Video, Pan 360 และ Zoe camera 

 

และตอนนี้ผมก็จะมาอธิบายการทำงานของกล้อง Ultra Pixel และ Depth sensor camera ว่าพอรวมกันแล้วมันทำงานได้อย่างไร และทำไมถึงต้องมีกล้องอีกตัวมาวัดความลึกของภาพด้วย

ตอนนี้ภาพถ่ายแบบ Refocus กำลังเป็นที่นิยมใช่ไหมครับ ไม่ว่า Xperia Z2 หรือ Galaxy S5 นั้นต่างก็มีโหมดกล้องตัวนี้เพิ่มเข้าให้เลือก ซึ่งหลักการทำงานคือจะทำการถ่ายภาพ 2 ครั้งเป็น 2 จุดโฟกัสคือหน้าและหลัง จากนั้นก็เอามาซ้อนกันแล้วใช้ซอฟแวร์ในการปรับความชัดความเบลอของภาพ

แต่สำหรับ HTC One M8 นั้นมีกล้องคอยจับความลึกของภาพซึ่งช่วยวัดระยะห่างของวัตถุแต่ละชิ้นได้ เพราะฉะนั้นการถ่ายภาพแล้วมาปรับแก้จุดโฟกัสใหม่นั้นจึงใช้การถ่ายภาพเพียงครั้งเดียว และไม่ต้องเข้าไปเลือกโหมดอะไรเพิ่มเติม หากภาพนั้นมีความลึกอยู่แล้วคุณสามารถจับปรับเปลี่ยนจัดโฟกัสได้ทันที 

ยิ่งอ่านยิ่งงง แล้วมันเป็นยังไงหละหนอ งั้นขอเชิญมาชมกันได้เลย

เมื่อถ่ายภาพเสร็จแล้ว เราก็มาเลือกภาพจาก Gallery เพื่อปรับแต่ง ในนี้จะมีฟีเจอร์ Duo Effect ให้เราเลือกใช้งานครับ ซึ่งอย่างแรกที่เราจะลองเล่นกันคือ UFOCUS

UFOCUSนั้นคือการให้เราเลือกเปลี่ยนจุดโฟกัสของภาพได้ตามใจชอบ คือคุณจะจิ้มไปตรงไหนของภาพก็ได้ ลองดูผลที่ได้จากภาพด้านล่างนะครับ ภาพแรกคือภาพต้นฉบับที่อยู่ในเครื่องหลังจากถ่ายเสร็จ คือทั้งภาพมันชัดเท่ากันหมด คราวนี้ลองเลือกแตะไปที่มือถือ ภาพก็จะเปลี่ยนเป็นภาพที่ 2 ทันที หลังละลายวาบไปกับตา

 

แล้วพอผมเปลี่ยนใจไปแตะที่ฝาครอบอาหาร จุดโฟกัสก็ย้ายตาม ทำเอาด้านหน้าละลายไปเลย

 

 

Duo Effect ต่อมาคือ Foregrounder ครับ เป็นการทำให้ภาพด้านหน้านั้นโดดเด่นขึ้นมาด้วยการไปเล่นเอฟเฟคภาพกับพื้นหลัง ให้ลองสังเกตภาพถัดไปดีๆ นะครับ

พอเลือก Foregrounder แล้วพื้นหลังของภาพจะเปลี่ยนไปทันที โดยจะมีสีและแบบให้เลือกเปลี่ยนในตอนนี้แค่ 4 ชนิดเท่านั้น

 

ถัดมาคือ Season ไอเดียนี้จะคล้ายๆ กับ Auto Awesome ถ้าใครได้เล่น Google Plus ซึ่งมันจะมีเอฟเฟคต่างๆ มาใส่ให้ภาพเราอัตโนมัติเช่นถ้าเราถ่ายภาพกับหิมะ ก็จะมีหิมะตกลงมาเป็นอนิเมชั่น

แต่สำหรับ Season นั้นเราเลือกได้เลย อยากได้ซากุระ ใบเมเปิ้ล หรือหิมะ จะร่วงจะหล่นเท่าไหร่ก็สามารถทำได้ทันที เลือกเอง แต่งเอง เซฟเอง แชร์เองอิอิ

 

และปิดท้ายกันด้วย Dimension Plus หรือ 3D Effect ที่ทั้งเจ๋งทั้งสยองฮ่าๆ เอฟเฟคนี้ถ้าไม่ได้เล่นเองก็คงไม่รู้หรอกครับว่ามันเจ๋งแค่ไหน เอาเป็นว่าลองดูตามภาพที่ผมพยายามทำขึ้นมาอย่างสุดฝีมือกันหน่อยก็แล้วกัน (สุดฝีมือแล้วได่้แค่นี้)

เพื่อนๆ จะเห็นว่าในภาพซ้ายสุดนั้น ตาของนายแบบสุดหล่อนั้นมองไปทางขวามือของเราใช่ไหมครับ เผอิญผมว่ามันดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เหมือนมองไปนอกเฟรมตาเหล่ๆ ยังไงไม่รู้ ผมก็จะเปิด Dimension Plus ขึ้นมาทำการแก้ไข เอานิ่้วไปแตะแล้วลากฟื้ดไปทางซ้าย.. กรี๊ด~ นายแบบหันหน้ามาทางนี้แล้ว ถ้าสังเกตุดีๆ จะเห็นนะครับว่าไม่ได้หันมาแค่หัวหรือหน้า แต่ส่วนอก ไหล่ ตัวนั้นหมุนตามมาด้วยทั้งหมด คือเหมือนจับวัตถุในภาพขยับได้ยังไงยังงั้น ผีหลอกชัดๆ  Big smile

 

ขอทิ้งท้ายการ รีวิว HTC One M8 ภาค 1ไว้ด้วย HTC dot view ฟลิบเคสสุดเจ๋งที่คุณสามารถเคาะ แตะ สัมผัสมันได้เหมือนเป็นหน้าจอของมือถือเลยทีเดียว

 

ในเวลาปกติแล้วเจ้า htc dot view ก็จะเป็นเคสรูๆ ปกติแบบนี้แหละครับ แต่พอเราเคาะไปที่มัน 2 ทีป๊อกๆ เหมือนจะเคาให้หน้าจอติด ก็จะมีแสงลอดออกมาจากช่องของ dot view แบบภาพทางขวาทันที 

เห็นหลายคนถามกันมาว่าแล้วไอ้สีๆ ที่มันแสดงนี่มาจากตัว dot view หรือหน้าจอกันแน่ เราก็มีภาพเฉลยมาให้ดูกัน~

ปิ้งๆ มันใช้แสงจากหน้าจอบางส่วนที่แสดงผลออกมาลอดทะลุไปที่ dot view ครับ โดยปกติแล้วเราจะไม่ได้เห็นหน้าจอแบบนี้หรอกครับ เพราะพอเราเปิดฝาฟลิบแล้วหน้าจอแล้วมันก็จะโชว์ Home Screen ของ Sense แต่ผมใช้ความเร็วรีบเปิดแล้วรีบถ่าย เลยได้ภาพนี้มาฝากกัน

อย่างที่บอกครับว่าความเจ๋งของ dot view นั้นคือเราสามารถสัมผัสมันได้เหมือนเป็นหน้าจอมือถือจริงๆ ตัวอย่างก็คือภาพนี้เลย เวลามีคนโทรเข้ามา dot view ก็จะแสดงชื่อคนโทรให้เราได้เห็น

พร้อมกันนั้นก็แสดงสัญลักษณ์ให้เราสไลด์นิ้วขึ้นเพื่อรับสาย หรือสไลด์นิ้วลงเพื่อปฏิเสธสายก็ได้โดยไม่ต้องเปิดฝาออกมาเลย สะดวกสุดๆ

ตัวเคส dot view  นั้นมีให้เลือกถึง 5 สี แต่ไม่รู้ตอนมาขายบ้านเราจะมีครบหรือเปล่า ส่วนกำหนดการวางจำหน่ายในบ้านเรานั้น ผมลองแย็บๆ ถามไปทาง HTC Thailandแล้วได้คำตอบว่าน่าจะเป็นช่วงปลายเดือนเมษาหรือไม่ก็ Mobile Expo เดือนพฤษภาโน่นเลย อันนี้แอบเสียดายเล็กๆ ครับว่ามาช้าไปหน่อย ถ้ามาเร็วๆ กว่านี้คงได้ฟัดตลาดกับ Xperia Z2 และ Galaxy S5 แบบสนุกสนานเลยทีเดียว

ส่วนเรื่องราคาบอกได้เลยว่า.. ยังไม่รู้  Big smile

 

HTC One (M8) โผล่เป็น Google Play edition ในราคา $699

$
0
0

สำหรับคนที่ชอบในดีไซน์ของ HTC One (M8) แต่ว่าไม่อยากจะใช้ Sense 6.0 ทาง HTC ได้มีการทำเป็น GooglePlay Edition (GPe)โผล่ขึ้นไปขายบน Play Store เรียบร้อย และเปิดขายในราคาที่ค่อนข้างสูงมากที่ $699 หรือราว 25,000 บาท เมื่อรวมภาษีทุกสิ่งอย่างแล้ว และสั่งวันนี้ ต้องรออีก 2-3 สัปดาห์กว่าที่ของจะเริ่มส่งได้นะแจ๊ะ ใครอยู่อเมริกาก็เข้าไปกดสั่งกันได้ ส่วนชาวไทยเรา ถ้าเกิดว่าเข้าไปดูก็จะไม่เห็นอะไร เพราะโดนบล็อคน่อ Smile

Link ไปหน้า HTC One (M8) GPePlay Link

Source: DroidLife

ประกาศรายชื่อ 3 ผู้เข้าแข่งขันชิง Galaxy Note 3 รอบสุดท้าย

$
0
0

จับฉลากออกมาเรียบร้อยกับผู้โชคดีสามท่านที่จะเข้ามาร่วมแข่งขันว่าใครทำเวลาได้เร็วที่สุด เพื่อชิงของรางวัลเป็น Galaxy Note 3 ได้แก่ คุณ gorawin, preecharam, และ wegangโดยเจอกันวันอาทิตย์นี้ ตอน 10 โมงเช้า ณ สยามแสควร์นะครับ วานติดต่อหลังไมค์ ขอชื่อเบอร์โทรศัพท์เพื่อติตต่อกันด้วยครับ Wink

ผมได้แปะคลิป YouTube แสดงวิธีการจับฉลากเพื่อความโปร่งใสเอาไว้ด้านล่างนะ เผื่อมีคนสงสัย แต่งานนี้คนที่ไม่ได้รับการจับฉลาก ไม่ต้องเสียใจไปนะครับ เพราะดูแล้วได้ของกันถ้วนทั่วทุกคนแน่นอน Laughing out loud

 

สำหรับภารกิจที่จะเอามาแข่งกันในวันอาทิตย์นี้ ก็จะใช้กฎกติกาเดิมจากตอนแข่งนะครับ แล้วดูว่าใครทำเวลาได้ดีที่สุด ขอสงวนสิทธิ์ทั้งสามท่านว่าใครไม่ติดต่อเข้ามายืนยันภายในวันศุกร์นี้ก่อนเที่ยง ขอจับฉลากใหม่ทันทีนะครับ

ผลประกาศจากกิจกรรมด้านล่างนี้นะครับ

โดนโค่นแชมป์แล้ว

$
0
0

งานนี้ sony จัดเต็ม Xperia Z2 ทำคะแนน BESEMARK OS II แซง HTC ONE M8 ที่พึ่งมี่ข่าวว่าทำคะแนนได้เป็นอันดับหนึ่งได้ไม่นาน (ข่าวเก่า) Z2 มาจากไหนไม่รู้กระโดนเข้ามาใน list พร้อมกับแย่งตำแหน่งแชมป์เก่าอย่าง HTC ONE โดยคะแนนทิ้งห่างพอสมควรถ้าเทียบกันอันดันที่ 2-5 ซึ่งจี้กันแบบติดๆ

แต่ทีน่าแปลกใจกลับเป็น SAMSUNG GALAXY S5 ที่มี clock cpu ที่สูงกว่าแต่กลับทำคะแนนได้น้อยกว่าซึ่งปรกติถ้าเทียบอะไรทำนองนี้ SAMSUNG จะติดอันดับต้นๆ แทบทุกชาร์ต

เพิ่มเติมครับ
http://results.rightware.com/basemark_os

ผู้บริหารวอนอย่าเอา HTC One M8 ไปจุ่มน้ำเล่น เพราะได้มาตรฐาน IPX3 กันฝนกันละอองน้ำเท่านั้น

$
0
0

หลังจากที่มีคนเอา HTC One M8 ไปบุ๋มบุ๋มจุ่มน้ำเป็นที่เรียบร้อย แล้วปรากฏว่ามันไม่พัง เอาขึ้นมาแล้วยังใช้งานได้อยู่ แต่ทาง HTC เองก็กลัวว่าจะมีคนไปเลียนแบบทำตามบ้าง เลยต้องออกมาเบรคก่อนที่เครื่องจะพังจนมาเคลมกันซะหมด

โดย Jeff Gordon หนึ่งในผู้บริหารของ HTC ได้ทวิตข้อความว่า HTC One M8 ได้มาตรฐาน IPX3 นั่นหมายถึงสามารถทนต่อละออง สเปรย์ หรือการฉีดน่้ำใส่ที่อัตราการไหลประมาณ 10 ลิตรต่อนาที หรือที่แรงดันประมาณ 80-100 kN/m2 (กิโลนิวตันต่อตารางเมตร) ประมาณ 10 นาทีเท่านั้น"

รู้อย่างนี้แล้วก็อย่าเอาไปจุ่มน้ำเล่นกันนะครับ เพราะทาง HTC เค้าก็ไม่ได้มีรับประกันเรื่องน้ำเข้า แล้วก็ไม่ได้โฆษณาว่ามันเอาไปลงเล่นน้ำได้แบบค่ายอื่นๆ ด้วย

source : eprice

เปรียบเทียบภาพถ่ายจาก Samsung Galaxy S5, Sony Xperia Z2, LG G Pro 2 และ HTC One M8 จากเวบ ePrice

$
0
0

ตอนนี้เว็บ ePrice ของไต้หวันได้ทำการทดสอบกล้องของสมาร์ทโฟน 4 รุ่นใหญ่ Samsung Galaxy S5, Sony Xperia Z2, LG G Pro 2และ HTC One M8โดยเปิดให้สมาชิกในเว็บมาร่วมโหวตลงคะแนนว่า "ชอบ"ภาพถ่ายจากสมาร์ทโฟนรุ่นไหนมากกว่ากัน

ซึ่งผลการเปรียบเทียบครั้งนี้จะเป็นอย่างไร ภาพจากสมาร์ทโฟนรุ่นไหนจะได้ครองใจชาวไต้หวัน ลองมาชมกันเลยดีกว่า

ภาพทั้งหมดที่เอามาโชว์ในเวบเป็นการจับภาพจากหน้าเวบของ ePrice มานะครับ ใครที่อยากเห็นภาพจริงๆ ขนาดเต็มๆ แนะนำให้กดไปดูได้ที่เวบต้นทางท้ายข่าวเลยครับ เค้ามีภาพขนาด Full Resolution ให้ชมด้วย

 

ภาพเซ็ทแรกนี้ทาง ePrice เค้าบอกว่าทั้ง 4 รุ่นถ่ายภาพกลางคืนได้ดี แต่ One M8 นั้นท้องฟ้ามันสว่างเกินไป ควรจะมืดกว่านี้ ความคมชัดและอิ่มตัวของสียังสู้อีก 3 รุ่นไม่ได้ ส่วน Xperia Z2 นั้นหน้าเลนส์ไวด์ที่สุด เลยเก็บภาพได้มุมกว้างกว่าค่ายอื่นๆ ส่วนนี้น่าจะแปลผิด ขอขีดทิ้ง

 

ถัดมาทาง ePrice ก็บอกว่าชุดนี้เป็น Galaxy S5 ที่ White Balance และรายละเอียดคมกว่าเจ้าอื่น แต่ถ้าหากดูภาพขยายเต็มๆ แล้ว G Pro 2 เก็บรายละเอียดและเกลี่ยสภาพของแสงได้ดีกว่า อันดับ 2 คือ Z2 และตามด้วย S5 ส่วน M8

 

เซ็ทที่ 3 นี้เป็นโจทย์ยาก เพราะสภาพแสงตีกันมั่วไปหมด กลับเป็น HTC One M8 ที่เก็บรายละเอียดได้ดีและสีตรงตามมาด้วย S5 ส่วน G Pro 2 และ Z2 นั้นเจออาการหลอดไฟทางซ้ายกลายเป็นสีม่วงไปซะยังงั้น แต่ถ้าพููดถึงรายละเอียดของภาพ Z2 กับ S5 เก็บตัวหนังสือบนป้ายได้ดีกว่า ส่วน G Pro 2 นั้นตัวหนังสือเบลอไปกับป้าย

 

G Pro 2 เจอปัญหาอีกแล้ว เวลาแสงน้อยๆ มันจะไปดึงเอาสีเหลืองมาเติมจนภาพเหลืองไปหมด Z2 กับ S5 ชนะในภาพนี้ไป ส่วน One M8 สว่างไปหน่อย 

 

เดี้ยงอีกแล้วสำหรับ G Pro 2 พอเจอภาพมืดๆ ทีไรไปดึงเอาสีเหลืองมาเติม ส่วนอีก 3 รุ่นแจ่มหมด เก็บรายละเอียดได้ดี

 

ส่วนนี่เป็นภาพเซ็ทสุดท้ายที่เค้าทดลองภาพ Night Shot แบบแสงน้อยสุดๆ ครับ คือมีแค่แสงลอดเข้ามาจากหน้าห้องน้ำเท่านั้น โดยภาพทางด้านซ้ายจะเป็นโหมดปกติ ส่วนด้านขวาจะเป็นโหมด Night shot เช่น One M8 ก็จะเลือก Night Scene, S5 ก็จะเลือก Anti shake low light, G Pro 2 เลือกเป็น smart scene ส่วน Z2 ภาพทางซ้านจะเป็น Manul Mode 20MP ทางขวาเป็น Auto low light 8MP ผลก็ออกมาตามนี้

 

สุดท้ายทาง ePrice เค้าก็สรุปเรื่อง Night  Mode ของทั้ง 4 รุ่นเอาไว้ว่า

HTC One M8 นั้นเรื่องสี มิติและความสว่างโดยรวมนั้นดี แต่ตอนกลางคืนเจอปัญหาเรื่อง over exposure ภาพเลยขาวสว่างเกินไปหน่อย แต่เนื่องจากความสว่างของภาพนั้นดีกว่าค่ายอื่นๆ การถ่ายภาพในคลับ ผับ หรือคาราโอเกะนั้น One M8 น่าจะตอบโจทย์คนกลุ่มนี้ได้

Samsung Galaxy S5 เป็นรุ่นที่ All rounder คือใช้ได้ในทุกสถานะการ ภาพชัดและคม สีสดแม้ถ่ายในสภาวะแสงน้อย แต่ปัญหาที่เจอคือถ้ามืดมากๆ แบบภาพสุดท้ายเจอน๊อยซ์กระจาย ทางแก้คือต้องเปิด Anti Shake Mode เข้าช่วยหากต้องการจะถ่ายภาพในที่แสงน้อย

LG G Pro 2 ระบบกันสั่นหรือ OIS ของ G Pro 2 นั้นทำหน้าที่ได้ดีจนหลายๆ ภาพในโหมดกลางคืนสามารถเก็บความลึกและรายละเอียดได้ดี แต่จะงานเข้าทันทีเมื่อแสงน้อยมากๆ แล้วตัวซอฟต์แวร์ไปเร่งเอาสีเหลืองขึ้นมาเช่นในบางภาพที่เห็น งานนี้ก็หวังว่าจะมี software update ออกมาแก้ไขกัน

Sony Xperia Z2 ภาพของ Z2 นั้นกลางๆ ไม่ได้ดีเว่อร์ หรือแน่ และในหลายๆ ครั้งการถ่ายภาพด้วยโหมด Auto นั้นผลออกมาดีกว่าโหมด Manual พอสมควร ทาง ePrice พยายามถ่ายภาพแบบเดียวกันเพื่อจะให้ได้ภาพสีและโทนแบบเดียวกับ Auto กลับไม่สามารถทำได้ ซึ่งปัญหาคือโหมด Auto ภาพมันลดขนาดเหลือแค่ 8 ล้านเท่านั้น ในขณะที่โหมด Manual นั้นจะได้ความละเอียดเต็มที่ 20MP

 

คราวนี้ลองมาดูผลโหวตกันดีว่า ว่าชาวเวบ ePrice เค้าชอบภาพจากรุ่นไหนกันบ้าง และโหวตกันไปเท่าไหร่ครับ

 

ผลคะแนนตอนนี้กลายเป็น HTC One M8 ได้อันดับ 1 ไปแล้ว 531 เสียง ส่วน Xperi Z2 ตามมาเป็นอันดับที่ 2 ที่ 280 คะแนน แต่ทางด้าน S5 กับ G Pro 2 ยังได้ไม่ถึง 100 คะแนนเลย  Crying

ขอย้ำอีกครั้งนึงว่า ทั้งภาพและคำอธิบายใต้ภาพนั้นผมพยายามแปลจากต้นฉบับด้วย Bing Translate และ Google Translate นะครับ เพราะทางโน้นเป็นคนถ่าย ก็เลยขอแปลเนื้อหาตามต้นฉบับ จริงๆ ในเวบของเค้ามีภาพเยอะกว่านี้แต่ผมขอเอามาแค่นี้แล้วกัน เผื่อใครที่สนใจจะได้ตามไปดูต่อ 

source : eprice 

 

เอาไว้ถ้าทาง DroidSans มีโอกาสได้ถือ 2-3 รุ่นแล้วจะมาลองถ่ายเทียบให้ดูบ้าง ถึงตอนนั้นเดี๋ยวเราจัดทริปเชิญสมาชิกไปลองถ่ายลองเล่นด้วยกันเลยดีกว่าเนอะ  Party


ประธาน HTC บอก Samsung ไม่ลงทุนกับผู้บริโภคเห็นได้จากสินค้าที่ทำมาจากพลาสติกที่ดูราคาถูก

$
0
0

เป็นที่รู้กันนะคะว่าการแข่งขันในตลาดระหว่างค่ายผู้ผลิตมือถือนั้นถือว่าค่อนข้างตึงเครียดมากทีเดียว ก่อนหน้านี้เราได้เห็นโฆษณา, บทสัมภาษณ์ และทวีตจิกกัดระหว่างค่ายมากันพอสมควรแล้ว แต่ดูเหมือนความตึงเครียดยังไม่หยุดอยู่แค่นั้น เมื่อทาง Jason Mackenzieประธานของ HTC ได้ให้สัมภาษณ์กับทาง Business Insiderถึงทิศทางของทาง HTC และได้พูดวิจารณ์พาดพิงถึงค่ายคู่แข่งอย่างทาง Samsung อีกด้วย โดย Mackenzieกล่าวว่า HTC นั้นมุ่งเน้นและลงทุนในการออกแบบผลิตภัณฑ์ที่สร้างความภาคภูมิใจให้กับผู้ใช้งาน ต่างจากทางซัมซุงที่ไม่ได้เน้นที่การลงทุนเพื่อผู้บริโภคแต่กลับเน้นการลงทุนในการทำโฆษณาเพื่อช่วยในการขายสินค้าได้ในจำนวนมากๆแทน และสิ่งนี้ได้สะท้อนผ่านทางผลิตภัณฑ์ของทาง Samsung ที่มีการออกแบบที่แย่และใช้พลาสติกที่ดูราคาถูกในการผลิตสินค้า (That they're made out of poorly designed and cheap-feeling plastic.) และปิดท้ายการสัมภาษณ์นี้ Mackenzieยังบอกว่าทาง HTC นั้นจะขอเจาะกลุ่มลูกค้าที่ต่างออกไปโดยจะเน้นเจาะตลาดคนที่ต้องการสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับตัวเอง ... งานนี้เล่นเอาสะอึกทั้งซัมซุงและคุณลูกค้าเลยนะคะ HTC !

Source:talkandroid,businessinsider

กสทช. อนุมัติเบอร์มือถือหมวดใหม่ขึ้นต้นด้วย 06 เตรียมเสนอค่า IC ใหม่เหลือ 45 สตางค์

$
0
0

กสทช. ได้อนุมัติหมายเลขโทรศัพท์มือถือหมวดใหม่ นั่นคือหมวด 06x-xxx-xxxx เพิ่มเติม จากก่อนหน้านี้ได้มีการอนุมัติหมวด 01x-xxx-xxxx ไปแล้ว ทำให้ตอนนี้ในบ้านเราจะมีเบอร์มือถือเพิ่มขึ้นเป็น 4 หมวด จากเดิม 08x และ 09x 

ข่าวด้านบนคงไม่มีผลอะไรเท่าไหร่ แค่จะมาบอกว่าต่อไปนี้ถ้ามีเบอร์ 06x ยาวๆ หรือ 01x ยาวๆ ให้รู้ไว้ว่าเป็นเบอร์มือถือนะครับ ไม่ต้องตกใจว่าเป็นเบอร์เมืองนอกหรือเบอร์ผีโทรมา แต่อีกข่าวนึงคือเรื่องของการปรับลดเวลาการดึงหมายเลขที่เราไม่ได้ใช้งาน หรือไม่ได้เติมเงินนานๆ คืน จากเดิมเราสามารถทิ้งเบอร์พวกนี้ไว้ได้ 180 วันก่อนจะโดนยึด แต่ตอนนี้ลดเหลือ 90 วันแล้ว

ส่วนอีกข่าวนึงที่น่าจะแฮปปี้กันคือทาง กสทช. จะทำเรื่องลดค่า IC ลงเหลือ 45 สตางค์ต่อนาทีในปี 2557 (ปัจจุบัน 99 สตางค์) พูดง่ายๆ คือค่าโทรเราจะถูกลงอีกแน่นอน รวมถึงจะปรับลงอีกให้หลือ 34 สตางค์ไนปี 2558 อีกด้วย แต่ยังไม่ต้องเฮครับ เพราะต้องผ่านประชาพิจารณ์ก่อน 

รายละเอียดเพิ่มเติมแนะนำให่ไปอ่านที่ต้นทางครับ เพราะจริงๆ ก็แอบมีวาระดราม่า พิจารณาขึ้นเงินเดือนให้ตัวเองด้วย อิอิ

 

source : ประชาชาติธุรกิจ

Microsoft Office บน Android เปิดให้ใช้งานฟรีแล้ว [APK]

$
0
0

Microsoft ได้เคยเปิดตัวแอพพร้อมดาวน์โหลดฟรี Microsoft Office บน Androidไปตั้งแต่เดือนสิงหาคมปี 2013ที่ผ่านมา แต่เมื่อลองใช้งานจริงก็จะพบว่าตัวแอพสามารถอ่านเอกสารได้เพียงอย่างเดียว หากต้องการแก้ไขหรือสร้างเอกสารจะต้องสมัครสมาชิก Office 365 เสียค่าบริการรายปี 2,499 บาท ด้วยเหตุนี้จึงทำให้แอพ Microsoft Office Mobileไม่ได้รับความนิยมนัก จนกระทั่งมาวันนี้ Microsoft ก็เปลี่ยนใจ เปิดให้ใช้งานแอพ Office บน Android ได้ฟรีเต็มรูปแบบ แต่มีเงื่อนไขเล็กน้อย ตรงที่ต้องเป็นการใช้งานภายในบ้านเท่านั้น หากใช้ในเชิงธุรกิจจะต้องสมัคร Office 365เช่นเดิม

Office 365เป็นรูปแบบการขายสิทธิในการใช้งาน Microsoft Office เหมาะสำหรับผู้ที่ใช้งาน Microsoft Office ในหลายอุปกรณ์ เพราะถูกกว่าการซื้อขาด ซื้อ 1 ครั้งสามารถใช้งานได้ 1 ปี ลงได้สูงสุด 5 เครื่องบนระบบปฏิบัติการไหนก็ได้ ไม่ว่าจะเป็น Windows, OS X, iOS หรือ Android และยังแถมพื้นที่สำหรับเก็บข้อมูลบน OneDrive ขนาด 20 GB เอาไว้ใช้เก็บไฟล์อีกด้วย

ที่มา: AndroidAuthority

Gimme wrote:
Microsoft Office Mobileยังไม่เปิดให้คนไทยโหลดไปใช้งานได้ ถ้าหากว่าใครต้องการทดสอบ สามารถโหลด APK ได้ที่ http://1drv.ms/P1W9Bjแต่เท่าที่ลองเล่นคร่าวๆบอกเลยว่า MS Office Mobile ยังดีสู้พวก QuickOffice, Documents to goอะไรพวกนี้ยังไม่ได้เลยด้วยซ้ำไป งานนี้บอกเลยว่า Microsoft มีความพยายามแต่ยังอ่อนหัดนัก Tongue

ดาวน์โหลดจากบน Play Store ได้ที่

HTC ยอมรับ One M8 มี High Performance Mode ทำคะแนน Benchamrk พุ่ง

$
0
0

งานเข้า HTC แล้วเมื่อผลการทดสอบ One M8 ด้วย Antutu 4 และ Antutu X นั้นออกมาคะแนนห่างกันเพียบ ดูท่าทางจะมีการโกงผล Benchmark กันอีกแล้วสิงานนี้ 

HTC One M8 นั้นทำคะแนนได้สูงกระฉููดบน Antutu 4 สูงถึง 38,815 แซงทุกยี่ห้อทั้ง S5, Z2 แบบหลายพันคะแนน แต่พอเปลี่ยนมาทดสอบด้วย Antutu Xคะแนนของ One M8 ร่วงไปอยู่ที่ 27,171 ในขณะที่ยี่ห้ออื่นๆ นั้นยังมีผลคะแนนใกล้เคียงกันในการทดสอบทั้ง 2 แอป

ตัว Antutu 4นั้นคือโปรแกรมทดสอบประสิทธิภาพของสมาร์ทโฟนแบบปกติ ซึ่งเมื่อปีที่แล้วหลายๆ ค่ายแอบปรับค่าการทำงานของ CPU และ GPU เมื่อเครื่องตรวจเจอว่าแอปนี้ทำงานอยู๋ ส่วน Antutu Xนั้นเป็นแอปที่ทำออกมาแก้เผ็ด ย้อนรอยการโกงเพราะตัวแอปนั้นเหมือนเดิมทุกอย่าง แต่จะมีการเปลี่ยนชื่อแอปทุกๆ เดือนเพราะฉะนั้นเครื่องรุ่นไหนๆ ก็ไม่มีทางจะโกงได้

เมื่อผลออกมาเป็นอย่างนี้เลยมีการสอบถามไปทาง HTC ซึ่งก็มีการออกมายอมรับว่าในเครื่องนั้นมี High Performance Mode ซึ่งต่อไปจะสามารถเลือกเปิดหรือปิดการทำงานได้ ในส่วนของ Developer Option

นี่เป็นผลสืบเนื่องจากที่เมื่อปีก่อนที่ Samsung Galaxy S4 โดนแฉว่าโกงผล Benchmark จนเกิดกระแสการไล่ตรวจสอบ และพบว่าหลายๆ ค่ายก็มีการแอบปรับค่า CPU และ GPU ในการทำงานกับแอปประเภท Benchmark เพื่อให้ได้คะแนนสูงๆ จนในที่สุด Samsung ต้องยอมถอดชุดคำสั่งนั้นออกไป 

source : phonearena

หลุดภาพ Moto G Forte สืบตำนาน Moto Defy เน้นอึดถึกทน

$
0
0

วันนี้มีภาพหลุด Motot G Forteหลุดมาอีกแล้ว จะจากใครซะอีกถ้าไม่ใช่ @evleaks เจ้าเก่า

โดยทาง @evleaks ยังให้ข้อมูลเพิ่มเติมด้วยว่า Moto G Forte นั้นดูแล้วหน้าตาไม่ต่างไปจาก Moto Gรุ่นเดิมเท่าไหร่ แต่ที่เห็นได้ชัดคือรูปร่างที่ดูหนา บึกบึนมากขึ้น เพราะฉะนั้นน่าจะเป็นรุ่นที่ทนน้ำทนฝุ่นตามรอยรุ่นพี่ Motorola Defy ก็เป็นได้

Moto G Forteนั้นน่าจะเริ่มวางจำหน่ายในแถบอเมริกาใต้เป็นประเทศแรกๆ ส่วนในเรื่องของสเปคนั้นยังไม่มีการยืนยัน แต่คาดว่าจะใช้สเปคเดิมของ Moto G นั่นคือ

  • CPU Qualcomm quad-core 1.2 GHz (Snapdragon 400 - Cortex A7)
  • Gorilla Glass ความละเอียด HD (1280x720 พิกเซล) ขนาด 4.5นิ้ว [329ppi]
  • RAM 1GB / หน่วยความจำ 16 GB
  • กล้องหลัง 5 MP / กล้องหน้า 1.3 MP / ถ่ายวิดีโอ 720p

source : phonearena

Viewing all 6898 articles
Browse latest View live




Latest Images